ไทยรัฐออนไลน์
ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในเมืองไทย ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ รูดม่านลงอย่างสวยงามเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา แฟนๆ กีฬาความเร็วชาวไทยโดยเฉพาะแฟนคลับของ “มาร์ค มาร์เกซ” นักบิดชาวสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า คงมีความสุขกันทั่วหน้าที่ได้เห็นนักบิดคนโปรดฉลองแชมป์โลกสมัย 8 ที่เมืองไทย
แต่เหนืออื่นใด ผลงานของนักแข่งชาวไทยอย่าง “สมเกียรติ จันทรา” หมายเลข 35 นักบิดหนุ่มจากค่าย เอ.พี.ฮอนด้า ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและติดตามยิ่งในระยะยาว โดยเฉพาะการที่เจ้าตัวได้รับการสนับสนุนจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ต้นสังกัดจากญี่ปุ่น ให้ลงแข่งขันรุ่น โมโตทู เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
สมเกียรติ จันทรา ชื่อนี้แฟนความเร็วสองล้อในบ้านเราย่อมคุ้นหูกันอย่างดี เพราะนี่คือเด็กหนุ่มที่ได้รับการสนับสนุนโดย เอ.พี.ฮอนด้า ผู้นำวงการรถจักรยานยนต์ของเมืองไทย ที่เห็นแววความเก่งกาจก่อนนำมาปลุกปั้น ผลักดันออกไปสร้างชื่อในรายการระดับเอเชีย จนคว้าแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ปี 2016 อันเปรียบเสมือนใบเบิกทางชั้นดีก่อนได้รับโอกาสจาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ทีมแข่งในการแข่งขันระดับ โมโตทู ที่เห็นแววความสามารถก่อนดึงมาเป็นนักแข่งประจำทีมแบบเต็มตัวในปี 2019
แม้จะเป็นปีแรกที่ถูกยกระดับมาแข่งรายการระดับโลก แต่ “คิงคองก้อง” ก็มีผลงานชนิดที่ต้นสังกัดอย่าง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย พึงพอใจ โดยเก็บแต้มไปแล้ว 5 สนาม ตั้งแต่ อารากอน, เช็ก, ออสเตรีย, ซาน มาริโน่ และล่าสุดกับโฮมเรซที่เมืองไทย ซึ่ง สมเกียรติ แสดงฝีมือในวันชิงชนะเลิศด้วยการบิดแซงคู่แข่งทีละคันจนขึ้นมารั้งอันดับ 8 แม้จะพลาดเสียตำแหน่งในช่วงรอบหลังแต่สุดท้ายเจ้าตัวก็บิดคันเร่งจบอันดับ 9 เท่ากับปีที่แล้ว ถือว่าได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรกก่อนแข่งที่สนามช้างฯ คืออันดับท็อป 10
ฝีมือและความสามารถของ สมเกียรติ จันทรา ชัดเจนแล้วว่าไม่เป็นสองรองใครเลยในระดับโลก แถมยังขับขี่สู้กับนักบิดจากยุโรปที่มีประสบการณ์ช่ำชองบนสังเวียน โมโตทู อย่างสมศักดิ์ศรี จึงไม่น่าแปลกใจที่ ดอร์น่า ผู้จัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ระดับโลก ยกให้เจ้าตัวเป็นนักบิดหนุ่มจากเอเชียที่มีพัฒนาการน่าสนใจและน่าจับตามองในอนาคต เช่นเดียวกับ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ที่มอบของขวัญก่อนวันชิงชนะเลิศ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ให้กับนักบิดหนุ่มวัย 20 ปี ด้วยการต่อสัญญาฉบับใหม่ เป็นนักแข่ง โมโตทู ปี 2020 อย่างเป็นทางการ
“ตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้โอกาสลงแข่ง โมโตทู อีกครั้งในฤดูกาล 2020 กับทีม “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” เป้าหมายของผมคือจะพยายามแสดงฝีมือแบบสุดความสามารถเพื่อคว้าโพเดียมมาครองให้ได้ และผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อแฟนๆ ชาวไทยทุกคนที่คอยเชียร์ผมอยู่เสมอ” สมเกียรติ เปิดใจหลังจากได้รับการยืนยันเป็นนักแข่ง โมโตทู ฤดูกาล 2020 กับ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย อย่างเป็นทางการ
ด้วยวัยเพียง 20 ปี ในวงการนักบิดถือว่ายังมีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีมือการขับขี่ได้ขึ้นไปอีกในอนาคต แน่นอนว่าเป้าหมายของ สมเกียรติ จันทรา ในปี 2020 คือตำแหน่งโพเดียมอันเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยมีนักบิดชาวไทยคนไหนทำได้มาก่อนในการแข่งขันระดับโลก เวิลด์ จีพี และหากเจ้าตัวทำสำเร็จ โอกาสที่แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทย จะได้เห็นนักแข่งสัญชาติไทย 100% ขึ้นไปแสดงฝีมืออย่างเฉิดฉายเต็มภาคภูมิใจ ในการแข่งขันชั้นสูงสุดของโลกอย่าง “โมโตจีพี” ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ตามโรดแมปที่ เอ.พี.ฮอนด้า วางไว้ในชื่อโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม”
ทั้งนี้ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” สปริตไทย ท้าทายสู่ฝัน คือแผนยุทธศาสตร์ที่ เอ.พี.ฮอนด้า กำหนดไว้ใช้เพื่อพัฒนานักแข่งสัญชาติไทย 100% ก่อนผลักดันสู่การแข่งขันระดับโลก โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การพานักแข่งไทย เข้าไปวาดลวดลายในศึกชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ให้สำเร็จภายในปี 2025 โดยมี “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35 เป็นนักบิดแม่ทัพหลัก รวมถึงนักแข่งรุ่นน้องรายอื่นๆ ที่กำลังเร่งยกระดับศักยภาพของตัวเองตามกันมา โดยหาก สมเกียรติ ยังรักษามาตรฐานผลงานที่ดีแบบนี้ต่อไปและทำให้ดียิ่งขึ้นได้กว่านี้ การจะได้เห็นนักแข่งไทยในศึก โมโตจีพี อันเป็นเวทีสูงสุดของเหล่านักบิดทั่วโลก คงไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน หรือเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ในอนาคตอันใกล้ เราจะได้เห็นนักแข่งไทยในสนามระดับโลก “โมโตจีพี”