เบี้ยหงาย
ในที่สุดประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หน้าเก่า เสียงเก่า บุคลิกเก่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนจะมีอะไรที่ใหม่กว่าเดิม และโดดเด่นกว่าเดิมหรือไม่ ก็ต้องรอติดตาม
แต่ที่แน่ๆ ไอ้ที่ใหม่แน่ๆ ก็ทีมงานผู้สนับสนุน ไม่ได้มีทหารเก่า ทหารใหม่ตบเท้ากันมาเหมือนแต่ก่อน แต่ปรับโฉมกันใหม่ อุดมด้วยนักการเมืองผู้เจนจัดที่เกื้อหนุนอุ้มชูให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอันแนบแน่น มีทั้งพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก และพรรคจิ๋ว ระดับซุปเปอร์สตาร์มากันเพียบ อาทิ ท่าน ส.ส.มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อันทรงเกียรติ ก็พร้อมลุย!
เรียกว่ารวมดาวเข้ามาช่วยกันคนละไม้คนละมือ
รอตั้งรัฐบาล จัดสรรตำแหน่งหน้าที่ทั้งงานสภา งานบริหาร กันเรียบร้อยเมื่อไหร่ ซึ่งก็เชื่อว่าไม่นาน คงจะได้เริ่มทำงานกันเต็มตัว ข้าราชการทั้งหลาย ผู้ใต้บังคับบัญชา ตอนนี้คงอยากจะทำงานร่วมกับทีมงานใหม่กันเต็มแก่ อดทนไว้นิด เตรียมตัวเตรียมใจกันไว้ อย่าเพิ่งดีใจจนน้ำตาไหล ใกล้จะได้สนองงานรัฐบาล และท่านๆทั้งหลายแล้ว
ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งประกาศและรับรู้กันทั่วไปว่าเป็นของ พรรคภูมิใจไทย ซึ่ง ก็ไม่มีภาพของการยึดคืน ทวงคืน หรือเปลี่ยนแปลงอะไร ก็คงตามนั้น เพียงแต่ตัวของท่านรัฐมนตรีที่จะมานั่ง ดูเหมือนมีการปรับเล็กน้อย เต็งใหม่กลายเป็นสามีของ นาที รัชกิจประการ ตัวเต็งท่านเดิม “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ เจ้าพ่อปั๊ม PT และเครือข่ายพลังงานใหญ่อันมีจุดเริ่มในภาคใต้ ภายใต้ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ที่คนในตลาดหุ้นรู้จักดี ก็ขึ้นมาหลายวันแล้ว แต่ทั้งสองท่านก็ไม่แตกต่างเป็นคนกันเอง และมีร่มเงาใหญ่ปกคลุมอยู่อีกชั้น
ก็ต้องรอกันกับทีมงานของพรรคภูมิใจไทยที่จะเข้ามาบริหารจัดการด้านกีฬาของชาติ ซึ่งคงไม่ใช่แต่ตำแหน่ง รมต.การท่องเที่ยวและกีฬา องคาพยพต่างๆคงต้องมีการเปลี่ยนแปลง และแม้ตำแหน่งต่างๆคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ดั่งใจโดยพลัน แต่คนที่อยู่ก็ย่อมต้องปรับตัวและปรับจริตให้เข้ากับนายใหม่อันเป็นธรรมชาติ คงจะเปลี่ยนรอกันแล้ว
และเมื่อคุมกระทรวงนี้ ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็ย่อมจะต้องกำกับดูแลในสายงาน ของพรรคตัวเองเป็นทอดๆ นั่นจะส่งผลให้ตำแหน่งประธานบอร์ดการกีฬา ประธานบอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬา บอร์ดกีฬาอาชีพ ของเดิมจะต้องกระทบและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ยังไม่นับถึงคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาก็จะเข้ามามีบทบาทตามหน้าที่ของแต่ละส่วน
ตอนนี้เท่าที่ดูในช่วงปลายของกระทรวงสีเขียว มีตำแหน่งในด้านกีฬาที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการดำเนินการสรรหา ก็จะมีตำแหน่งผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬา ซึ่งจะต้องทำงานกับบอร์ดกองทุน และรวมถึงทีมงานด้านกีฬาของชุดใหม่ต่อไป
ตำแหน่งผู้จัดการกองทุนฯนี้ ที่จะเข้ามาดูแลเงินกองทุนปีละราวๆ 4 พันล้านบาท ที่เดิมใช้รองผู้ว่าการ กกท.ทำหน้าที่และมีความพยายามจะเปลี่ยนแปลงมาให้บุคคลภายนอกมีสิทธิ์สมัคร ทั้งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือถึงการวางตัวบุคคลไว้ล่วงหน้า พอสรรหาไป นัยว่ามีอุปสรรคเรื่องของคุณสมบัติไม่ครบ ทำให้ตกไป บางคนก็แสดงวิสัยทัศน์ไม่ผ่าน จนคณะกรรมการต้องประกาศล้มเลิกไปแล้วเปิดรับสมัครใหม่ เริ่มกระบวนการกันใหม่ อยู่ในขณะนี้
แต่ก็มีเรื่องแปลก เปิดรับใหม่เงื่อนไขเดิม คนที่เคยสมัครแล้วไม่ผ่าน ก็กลับมาสมัครใหม่ได้
กรรมการเดิม เงื่อนไขเดิม แค่เวลาขยับออกไป ที่คุณสมบัติไม่ครบ กลับมาครบถ้วนได้เลยเหรอ ถ้าเป็นประเด็นอย่างนี้มันส่ออะไร ชวนให้สังคมคิดได้ไหมว่ากำลังเอื้อประโยชน์ เจาะจงให้ใครหรือไม่!
ไหนๆพรรคภูมิใจไทยจะเข้ามาแล้ว จะรีบไปทำไม ให้ทีมงานชุดใหม่เข้ามาดูไปเลยดีกว่าไหม ปล่อยวางหน่อยเถอะ...
“เบี้ยหงาย”