หน้าแรกแกลเลอรี่

กระหึ่มสนามช้างฯ เตรียมระเบิดศึก "ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ" ส่งตรงจากญี่ปุ่น

ไทยรัฐออนไลน์

5 มิ.ย. 2562 17:45 น.

สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เตรียมจัดศึกรถยนต์ทางเรียบตำนานสุดยิ่งใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น รายการ “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019” 29-30 มิ.ย.นี้ เปิดประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสสู่แฟนชาวไทยเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน จัดเต็มบรรยากาศแดนปลาดิบสู่แทร็คบุรีรัมย์ อัดแน่นกิจกรรมผสานบันเทิงไทย-ญี่ปุ่น ตลอดทั้งสุดสัปดาห์ ขณะที่ยอดนักขับไทย หวังพา "แพนเธอร์ อาร์โต ทีม ไทยแลนด์" เรียกเสียงเฮในบ้านเกิด...
 

วันที่ 5 มิ.ย. 62 บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, บริษัท จีทีเอ จำกัด ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที และพันธมิตรหลัก บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ซึ่งเป็นศึกมอเตอร์สปอร์ตระดับตำนานของญี่ปุ่น ที่มีผู้ติดตามทั่วโลก “ช้าง ซูเปอร์ จีที เรซ 2019 “ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2562 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว ร่วมกับ มาซาอากิ บันโดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีทีเอ ฝ่ายจัดการแข่งขัน ซูเปอร์ จีที รวมถึงนายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน รองผู้อำนวยการโครงการไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์, นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต, นายวรเทพ เจิมจุติธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด รถยนต์นั่ง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, คุณมนวรา เพชรพลากร ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งนักแข่งจากแพนเธอร์ อาร์โต ทีม ไทยแลนด์, นักแข่งจากรายการโตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต และนักแข่งจากรายการ ฮอนด้า เรซซิ่ง 2019 

ดร.ก้องศักด กล่าวว่า ตลอดทั้ง 5 ปีที่จัดการแข่งขันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากแฟนความเร็วชาวไทยและต่างชาติ ทำสถิติตัวเลขผู้เข้าชมเป็นอันดับต้นๆ ของรายการนี้ ขณะเดียวกันยังมีการถ่ายทอดไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ผ่านสายตาผู้ชมไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน โดยซูเปอร์ จีที ถือเป็นรายการระดับโลก ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตลอดฤดูกาลออกมาแข่งขันนอกประเทศญี่ปุ่นเพียงสนามเดียว คือที่ประเทศไทย ตลอดทั้ง 3 วันของการแข่งขัน จะมีแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่หลั่งไหลเข้าชมเกมอย่างคับคั่งเป็นจำนวนหลายหมื่นคน ซึ่งสิ่งนี้สามารถเพิ่มรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการพัฒนาความสามารถของนักแข่งไทยที่ร่วมทำการแข่งขัน การกีฬาแห่งประเทศไทยจึงพร้อมผลักดันและสนับสนุนในทุกด้าน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬาไทยให้ได้ลงแข่งในรายการระดับโลก สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และใช้กิจกรรมกีฬาในการกระจายความเจริญเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคต่อไป

ขณะที่ มร.มาซาอากิ กล่าวว่า ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ซูเปอร์ จีที กลับมาสนามที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยที่ผ่านมา ซูเปอร์ จีที ได้รับความสนใจจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยเป็นอย่างดี ด้วยการเนรมิตบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นมาอยู่ที่บุรีรัมย์ปีละครั้ง ก่อนเดินทางมาแข่งขันในประเทศไทย ศึกซูเปอร์ จีที 2019 ดวลความเร็วไปแล้วทั้งสิ้น 3 จาก 8 สนามในฤดูกาลนี้ โดยสถานการณ์ลุ้นแชมป์ล่าสุดนั้น ยังคงเข้มข้นอย่างมาก และจากการประสบความสำเร็จสูงสุดในการจัดการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งจัดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เชื่อว่ากระแสความนิยมมอเตอร์สปอร์ต ได้ถูกจุดติดแล้วในเมืองไทย สำหรับการแข่งขันซูเปอร์ จีที ในปีนี้ คาดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ ชาวไทยอย่างล้นหลามยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

ด้านนายตนัยศิริ กล่าวว่า การแข่งขันซูเปอร์ จีที มีจุดเด่นอยู่ที่การรวบรวมสุดยอดรถแข่งระดับโลก ซึ่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยในรุ่นจีที 500 เป็นคลาสสูงสุดที่มีรถแข่งที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีสูงสุดของค่ายผู้ผลิต โดยนอกจากยอดนักขับชั้นนำของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีชื่อนักขับซูเปอร์สตาร์ระดับโลกหลายคนลงแข่งขันในรายการนี้ อาทิ เจนสัน บัตตัน อดีตแชมป์โลกเอฟวันชาวอังกฤษ, เฮคกิ โควาไลเนน อดีตนักขับเอฟวันชาวฟินแลนด์ รวมถึง คาซูกิ นากาจิมะ อดีตนักขับรถเอฟวันชาวญี่ปุ่น ส่วนในรุ่น จีที 300 ถือเป็นการรวมเอารถแข่งซูเปอร์คาร์ชั้นนำของโลกแทบทุกแบรนด์ไว้ด้วยกัน ขอเชิญชวนแฟนความเร็วชาวไทยร่วมชมและเชียร์นักแข่งไทย อาทิ “ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” และ “ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ” จากทีมแข่งสัญชาติไทยหนึ่งเดียวอย่าง "แพนเธอร์ อาร์โต ทีม ไทยแลนด์" ให้คว้าชัยโฮมเรซ นอกจากแฟนๆ จะได้ชมการแข่งขันที่เข้มข้นแล้ว ยังมีกิจกรรมไฮไลต์ที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตรอคอย อาทิ กิจกรรมพิตวอล์ค ชมรถซูเปอร์คาร์สุดหรูมูลค่ากว่าพันล้านบาท กระทบไหล่นักขับระดับโลก และเรซควีนสุดน่ารัก ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 100 คน รวมถึงเซอร์กิต ซาฟารี กิจกรรมเอาใจแฟนความเร็ว นั่งรถบัสขนาดใหญ่ชมมนตร์เสน่ห์ของการแข่งขันซูเปอร์จีที สัมผัสความเร็วและแรง ระหว่างทำการซ้อมในแทร็กเดียวกันอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่เป็นซัพพอร์ตเรซ อย่าง โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต และฮอนด้า เรซซิ่ง 2019 อีกด้วย

ส่วนนายโรจนสิทธิ์ กล่าวว่า ซูเปอร์จีที คือรายการใหญ่ระดับตำนานของญี่ปุ่นรายการแรก ที่มาจัดยังสนามช้างฯ ในฐานะไตเติลสปอนเซอร์การแข่งขันเป็นปีที่ 3 การจัดการแข่งขัน นอกจากจะช่วยผลักดันนักแข่งไทยไปสู่ระดับโลกแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการให้คนไทยทุกคน ได้มีโอกาสชมการแข่งขันระดับโลก โดยไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ โดยเครื่องดื่มตราช้าง เตรียมกิจกรรมความบันเทิงอัดแน่นตลอด 3 วัน เนรมิตสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และพื้นที่โดยรอบให้กลายเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบย่อมๆ ในกิจกรรม “ช้าง ไทย-เจแปนนีส สตรีท เฟสติวัล” มหกรรมรวมความสนุกแบบสตรีท 2 สไตล์ ได้แก่ งานวัดแบบไทยและงานวัดสไตล์ญี่ปุ่น เกม การละเล่นต่างๆ, สตรีทฟู้ด อาหารไทย-ญี่ปุ่น ให้เพลิดเพลินกันทั้งวัน

นอกจากนี้ยังมีมหกรรมรถแต่งสไตล์ญี่ปุ่นร่วมร้อยคัน, การเปิดท้ายขายของแต่งรถ Car Swap Meeting ครั้งแรกในภาคอีสาน และมหกรรมรถซาวด์ซิ่งที่ยิ่งใหญ่ตระการตา พบการแสดงจาก King of ซาวด์ซิ่ง สนุก เร้าใจในสไตล์ Outdoor Party 

สำหรับแฟนความเร็ว สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ allticket.com หรือที่ร้าน 7-Eleven ทุกสาขา บัตรเข้าชมมี 5 แบบ ได้แก่ บัตรแกรนด์สแตนด์ 1 วัน ราคา 700 บาท/ 2 วัน ราคา 1,000 บาท, บัตรไซด์สแตนด์ 1 วัน ราคา 200 บาท/ 2 วัน ราคา 300 บาท, บัตร บัส ซาฟารี ในราคา 500 บาท บัตร Pit Walk ราคา 300 บาทและบัตร Grid Walk ราคา 500 บาท