เบี้ยหงาย
ไม่ว่าจะเป็นคนหน้าเก่าอยู่ต่อ หรือจะมีการกลายพันธุ์อะไรก็ตาม ที่แน่ๆรัฐบาลและผู้ปกครองที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ย่อมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับการ บริหารบ้านเมืองไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะเงาทะมึนของคณะ ทหารที่ปกคลุมการปกครองไทยมากว่า 5 ปี ย่อมจะเจือจางลง ไม่มีทางเข้มข้นเหมือนเก่า นั่นจะสะท้อนถึงพลังอำนาจต่างๆย่อมมีการลดทอนและบางส่วน ซึ่งคงจะต้องหลายส่วนอยู่ ต้องเปลี่ยนมือ
เป็นธรรมชาติเช่นกัน เมื่อพลังอ่อนลง ย่อมจะส่งผลไปยังภาคส่วนต่างๆ แวดวงกีฬาเราก็ไม่ต่างกัน ยุคกีฬาสีเขียวคงต้องอ่อนลง ส่วนจะอ่อนไปขนาดไหน ก็ต้องดูความแข็งแรงของกลุ่มก้อนการเมืองที่ได้รับการจัดสรรเข้ามาแทนที่
รวมทั้งจะมีผลกระทบมากกระทบน้อยก็ขึ้นอยู่กับการดำรงอยู่เดิมในช่วงมีพลังนั้น ได้รับการยอมรับจากแวดวงคนกีฬามากน้อยแค่ไหน ได้ใจได้งานกันเช่นไร และไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่ต้องเป็นภาพจริงที่เกิดขึ้น
และยังมีประเด็นของความสัมพันธ์กับกลไกหลักในแวดวงกีฬา ทั้งในมิติของสายการบังคับบัญชา และมิติของตัวบุคคลที่เป็นคีย์แมนหลักๆ
ถ้าสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น กลมเกลียว แนบแน่น การเปลี่ยนแปลงก็คงจะราบรื่น ราบเรียบ เปี่ยมด้วยมิตรภาพ
กีฬากับการเมืองนั้นแยกกันไม่ออกมาช้านาน ไม่ว่ายุคไหนสมัยใด ที่ผ่านมาเมื่อมีพลังอำนาจจากการเมือง ซึ่งรวมถึงการเมืองในเชิงทหารในช่วงที่ ผ่านมา ก็จะขยับเข้าหากันตามครรลอง ซึ่งจะไปกล่าวหาฝ่ายอำนาจอย่างเดียวไม่ได้ ก็เพราะคนกีฬาเราเองนี่แหละที่มักจะเป็นผู้เชื้อเชิญ ชอบคบค้าสมาคมเกาะเกี่ยวไปกับขั้วพลังอำนาจ หาช่องทางดึงเข้ามาอยู่ตลอด
ที่ผ่านมาอำนาจฝ่ายทหารเข้ามามีบทบาทในงานกีฬาอยู่หลายส่วน ไม่เฉพาะนโยบายรวมจากรัฐบาล ยังลงมากำกับดูแลในกลไกหลัก เป็นทั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยโดยตรง และยังสยายไปถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ควบคุมผ่านทางคณะกรรมการชุดต่างๆแทบจะลงลึกไปในทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มีภาพของความขัดแย้งไม่ลงรอย อาจจะด้วยไม่มีใครกล้าฝืนหรือโต้แย้งใดๆ
แต่ในระยะหลังๆเริ่มจะมีเค้าอะไรบางอย่าง จนในช่วงท้ายนี้ ก็น่าสนใจยิ่งเมื่อผลการสรรหา สมาชิกวุฒิสภา ออกมา ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับคนในแวดวงกีฬาอย่างมาก
หรือมันจะเป็นแค่ลมพัดผ่าน หรือมันจะก่อร่างสร้างความค้างคาในใจ
อะไรจะเกิดขึ้น จบกันอย่างไร น่าติดตามดูจริงๆ...
“เบี้ยหงาย”