จ๊อกกิ้งบอย
สนามวิ่ง “ฟูลมาราธอน” (42.195 กิโลเมตร) ระดับเมเจอร์ของเมืองไทย ผ่านพ้นไปแล้ว 2 สนามครับ คือ จอมบึงมาราธอนกับขอนแก่นมาราธอน
บังเอิญวันก่อน คุณสายัณห์ สมดุลยาวาทย์ บิ๊กบอสใหญ่แห่งค่ายจ๊อกแอนด์จอย เพิ่งแชร์โพสต์จากเพจ “mango zero” มาให้ผมดูว่าตอนนี้มีสนามมาราธอนไหนกันบ้างในบ้านเราที่เขาแนะนำให้ปอดเหล็กไปลองสัมผัสดูสักครั้ง
ซึ่งทั้งหมดมี 7 สนาม ดังนี้ครับ...
1.จอมบึงมาราธอน : สนามวิ่งในตำนานที่มีอายุกว่า 3 ทศวรรษ จัดเป็น “สนามต้นแบบ” ที่ทุกรายการในเมืองไทยสมควรที่จะมาดูงานเอาไว้เป็นแบบอย่างในการจัดรายการของตัวเองเป็นที่สุด
โดยปัจจุบัน “จอมบึงมาราธอน” กลายเป็นอีเวนต์ที่มีผู้คนทั่วประเทศอยากมาร่วมแจมมากที่สุด ถึงขนาดต้องมีการจับสลาก “ลอตโต” เอาคนออกกันเลยทีเดียว
2.กรุงเทพมาราธอน : มาราธอนประเพณี “หมายเลข 1” ของประเทศ ที่ปัจจุบันมนตร์ขลังและความยิ่งใหญ่เฉกเช่นในอดีต ได้ถูกลดทอนลงไปพอสมควรจากสนามวิ่งหน้าใหม่ที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด
ซึ่งนี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายความสามารถของผู้บริหาร “สมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย”ชุดปัจจุบัน ว่ามีแผนการอย่างไรบ้าง ที่จะทวงบัลลังก์ความเป็น “ท็อป” ให้กลับคืนมาดังเดิม
3.ภูเก็ตมาราธอน : อีกหนึ่งมาราธอนมาตรฐานของแดนใต้ ที่ได้ผ่านการรับรองระยะทางจาก AIMS หรือสมาคมวิ่งมาราธอนนานาชาติและการแข่งขันทางเรียบที่จัดต่อเนื่องมาแล้ว 14 ปีเต็ม และยังคงเป็นสนามวิ่งในความฝันของใครหลายคน
4.เชียงใหม่มาราธอน : สุดยอดมาราธอนแห่งเมืองเหนือ ที่จัดกันทุกๆปลายปีเพื่อโต้ลมหนาวก่อนปีใหม่ โดยมี คุณสายัณห์จ๊อกแอนด์จอย นี่แหละเป็นตัวตั้งตัวตี ปั้นให้สนามวิ่งของบ้านเกิดตัวเองกลายเป็น “มาราธอนระดับอินเตอร์” ให้จงได้
5.บุรีรัมย์มาราธอน : งานวิ่งที่เริ่มจัดมาได้แค่เพียง 3 ปี (รวมในปี 2019 นี้ด้วย) แต่ได้รับการยอมรับจากบรรดาปอดเหล็กให้เป็นงาน “ระดับโลก” ที่มีมาตรฐานสูงส่งไปแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายที่จะอัปเกรดบุรีรัมย์ให้เป็น “เมืองแห่งกีฬา” ที่ฟูล ออปชันที่สุดของประเทศนี้
6.บางแสน 42 : สนามน้องใหม่มาแรงที่ได้รับ การโหวตจากนักวิ่งให้เป็น มาราธอน “เบอร์ 1” แห่งยุค ที่สมบูรณ์แบบโดนใจคนรุ่นใหม่มากที่สุด
เอกลักษณ์สำคัญของงานนี้คือมีแข่ง 42 กิโลระยะเดียว และนักวิ่งที่ติดท็อป 100 ชาย-หญิง จะได้รับตุ๊กตา “คิงคอง” ไปเป็นของที่ระลึกสุดเท่ไม่ซ้ำแบบใครอีกต่างหาก
และ 7.อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน : มาราธอนฟอร์มยักษ์ ที่กำลังจะประลองความอึดกันแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก
ความจริงงานนี้ ททท. กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กะจะชูให้เป็น “โมเดล” ของการจัดงานวิ่งมาราธอนเมืองไทยด้วยซ้ำ
แต่เอาไปเอามาดันเจอสถานการณ์ “ฝุ่นพิษ PM 2.5” เล่นงาน จนทำท่าจะเจียนไปเจียนอยู่
จากคอนเซปต์ “วิ่งผ่าเมือง” อันระบือลือลั่นในตอนแรก
ชั่วโมงนี้ทำท่าจะเป็น “วิ่งผ่าฝุ่น” ไปซะแล้ววว... !!!
จ๊อกกิ้งบอย
ป.ล. ยังมีอีกหลายสนามมาราธอนในบ้านเรา ที่นักวิ่งควร “ปักหมุด” เอาไว้ว่าจะไปร่วมให้ได้ในสักวันนึง...
ไม่ว่าจะเป็น พัทยามาราธอน, ขอนแก่นมาราธอน, สงขลามาราธอน, หนองคาย อาเซียน มาราธอน ฯลฯ
เอาไว้วันหลังมีโอกาสแล้ว..ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ...