ไทยรัฐฉบับพิมพ์
กกท.วางแผนระยะยาว จัดมหกรรมกีฬานานาชาติ ส่งเสริมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เผยคณะทำงาน เห็นตรงกันให้ศึกษาความพร้อมของชลบุรี เป็นอันดับแรกว่าเหมาะสมจะเป็นเมืองเจ้าภาพ ในการเสนอตัวจัดยูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังจะศึกษาจังหวัดอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย ส่วนขั้นตอนจากนี้ คณะทำงานจะต้องสรุปแผนงานให้เรียบร้อย เพื่อนำเข้า ครม. เห็นชอบ ก่อนให้โอลิมปิกไทยเสนอตัวต่อไอโอซี เป็นทางการ โดยประมาณการค่าใช้จ่ายในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ.2026) ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา, นายมนตรี ไชยพันธุ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ ร่วมประชุม ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท. เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา
ที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ.2026) และรับทราบข้อมูลการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ 1,600,000,000 บาท โดยยังไม่รวม ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ก่อสร้างสนามแข่งขัน/ ฝึกซ้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ต่อจากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณากรอบแนวคิดในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ระยะ 15 ปี โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาตินั้น จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนานักกีฬา พัฒนาบุคลากรการจัดการแข่งขัน พัฒนาสถานกีฬาต่าง ๆ กระตุ้นเศรษฐกิจ และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนา การกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) มีวิสัยทัศน์ให้การกีฬาเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาที่มีมาตรฐาน และอยู่ในระดับชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย โดยการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ จะทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความเจริญขึ้นไปล่วงหน้า 30 ปี โดยมีตัวอย่างจากการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2557 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติให้ศึกษาความพร้อมของจังหวัดที่มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ โดยจะดำเนินการที่จังหวัดชลบุรี ก่อน เนื่องจากจังหวัดชลบุรีมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการแข่งขัน มีความสะดวกสามารถจัดการแข่งขันได้ทุกชนิดกีฬา รวมถึงระบบขนส่งที่กำลังจะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามารถเดินทางระหว่างจังหวัดกรุงเทพฯ-ชลบุรี ได้ภายในเวลา 30 นาที
ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ.2569 (ค.ศ.2026) นั้น ในที่ประชุมทุกฝ่ายได้มีความเห็นพร้อมว่าประเทศไทยนั้นมีศักยภาพที่สามารถจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ได้ รวมถึงเกมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติอื่นๆด้วย ซึ่งในตอนนี้กำลังศึกษาดูความเหมาะสมของสถานที่ว่าจะสามารถจัดที่ไหนได้บ้าง ซึ่งศึกษาความพร้อมของจังหวัดที่มีศักยภาพ โดยเบื้องต้นได้พิจารณาให้ศึกษาความพร้อมโดยจะดำเนินการที่จังหวัดชลบุรีก่อน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอยู่แล้ว และสามารถจัดแข่งขันกีฬาได้ทุกกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้ปิดโอกาสสำหรับจังหวัดอื่นๆ ก็จะได้ดูความพร้อมไปพร้อมๆกัน
“ขั้นตอนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2026 เหลือหลักๆอีก 2 ขั้น จากนี้ที่ต้องเร่งทำ คือ เมื่อสำรวจเเละสรุปเเผนงานเเล้ว จะต้องนำเเผนงานทั้งหมดเสนอเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อขอความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ ต่อมาถ้าได้รับความเห็นชอบจาก ครม. จะเป็นคณะกรรมการโอลิมปิกเเห่งประเทศไทยฯ ที่จะเข้ายื่นเเสดงความสนใจเป็นเจ้าภาพยูธโอลิมปิก 2026 ต่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี อีกครั้ง เราอยากมองเเละวางเเผนการทำงานในระยะไกล ให้สอดคล้องกับเเผนพัฒนาชาติ 20 ปี โดยครั้งนี้มีการหยิบยกเเละพิจารณาถึงภาพรวมในการที่ไทยจะเสนอจัดมหกรรมกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์, เอเชียนอินดอร์เกมส์, เอเชียนเกมส์, ยูธโอลิมปิกเกมส์ เเละโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งยูธโอลิมปิกเกมส์ผมมองว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะจัดได้” ดร.ก้องศักด กล่าว.