หน้าแรกแกลเลอรี่

'ยามาฮ่า' พอใจผลงาน 'แสตมป์' บิดสุดใจรั้งที่ 22 โมโตทรี

ไทยรัฐออนไลน์

4 พ.ย. 2561 15:15 น.

“แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ บิดสู้สุดใจก่อนจบอันดับที่ 22 ในศึกโมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศมาเลเซีย ขณะที่ “ไทยยามาฮ่ามอเตอร์” ต้นสังกัดพอใจผลงานของลูกทีมกับการลงบิดด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด ด้าน "บิ๊กช้อง" บอสใหญ่ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม ชี้เป็นประสบการณ์สุดล้ำค่าที่นักบิดไทยได้เรียนรู้ เผยพร้อมสานต่อการแข่งขันระดับโลกแน่นอน...

วันที่ 4 พ.ย.61 การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ โมโตจีพี เดินทางถึงสนามรองสุดท้ายของปี ซึ่งดวลความเร็วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ภายใต้รายการ มาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ โดยในสนามนี้มีนักบิดไทยอย่าง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ นักบิด จาก วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ทีม เข้าร่วมแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ดในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพด้วย

โดยการแข่งขันในรุ่น โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ออกสตาร์ตเรซในเวลา 09.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่ง “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ภายใต้รถแข่งหมายเลข 9 เจอสถานการณ์ยากลำบากตลอดทั้งสุดสัปดาห์ นับตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 3 ก่อนจะคว้ากริดสตาร์ตที่ 26 มาครอง สำหรับเรซในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ช่วงแรกของการแข่งขันที่เข้มข้นของ โมโตทรี สนามนี้ นักบิดไทยทะยานขึ้นมาเกาะกลุ่มหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทว่าจากเกมสุดโหด และการเซตอัพที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จบการแข่งขันด้วยอันดับ 22 ตามหลังแชมป์อย่าง ฮอร์เก มาร์ติน นักบิดสแปนิชจาก เดล คอนซ่า เกรซินี โมโตทรี อยู่ 34.468 วินาที ทว่านักบิดไทยก็สามารถทำเวลาต่อรอบได้ใกล้เคียงกับนักบิดในกลุ่มนำของโมโตทรีหลายคน

ภายหลังจบการแข่งขัน "บิ๊กช้อง" นายธีระพงษ์ โอภาสกรกุล ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ฝ่ายกีฬายานยนต์ และสถาบันฝึกอบรมขับขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด บอสใหญ่ของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม กล่าวว่า ถือเป็นประสบการณ์ที่เราได้ต่อยอดจากการส่งนักแข่งไทยเข้าร่วมแข่งขันจาก พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งสนามนี้เราก็เชื่อว่าจะเป็นงานยากของเรา แต่ทีมก็มีปัญหาเรื่องการเซตอัพมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การซ้อม ทำให้ยากต่อการแข่งขัน นักบิดของเราทำความเร็วเข้ากลุ่มไม่ได้ ต้องขี่คนเดียว ทำให้ยากที่จะไล่ตามคนอื่นๆ แสตมป์ จบเรซในอันดับ 22 ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญมาก ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่าทีมจะต้องพร้อมในการที่จะก้าวไปด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องการเซตอัพ ซึ่งนักแข่งของเราและทีมต้องช่วยกันหาจุดที่ลงตัวให้มากที่สุด โดยจะต้องป้อนข้อมูลให้กันและกันให้ได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องแก้ไขต่อไป

“แน่นอนว่า แสตมป์ ยังเป็นนักแข่งที่มีความสามารถและพรสวรรค์ เขาอยู่ในระดับกลุ่มท็อปเท็นเสมอในการแข่งขัน โมโตทรี จูเนียร์ ผมคิดว่าเขายังคงพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเราเองยังคงดูอยู่ว่าจะขยับให้เข้าร่วมการแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นอาจจะเป็น โมโตทรี หรือ โมโตทู ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งสองทาง” บอสใหญ่ กล่าว

ด้าน “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ เปิดเผยหลังจบการแข่งขันว่า เรซนี้เป็นเรซที่ยากมากสำหรับผมและทีม เราเสียการซ้อมช่วงหนึ่งไปเต็มๆ จากการล้มในรอบ FP2 ของวันแรก ทำให้เรายังหาเซตอัพที่ลงตัวไม่ได้ การแข่งขันในเรซนี้เราได้ประสบการณ์ที่เยอะมากๆ ครับ โดยเฉพาะในเรซระดับเวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งนักบิดทุกๆ คนปรับตัวได้เร็วมาก และเราเองก็ต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองให้เร็วขึ้น สนามนี้อาจยังไม่ใช่เรซของเรา แต่ผมจะยังไม่หยุดพัฒนา ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานด้วยครับ

สำหรับ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จะมีคิวลงแข่งขันในศึก เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามสุดท้ายในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ ที่ เซอร์กิต ริคาร์โด ตอร์โม เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน