ฟ้าคำราม
จากผลงาน 11 เหรียญทองของทัพนักกีฬาไทย ในมหกรรมเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งปิดฉากลงไปแล้วนั้น
1 ใน 3 เป็นฝีมือของตะกร้อ ที่กวาดมาได้ถึง 4 เหรียญทองเลยทีเดียว
ที่สำคัญตะกร้อยังทำสถิติของตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์ ส่ง 4 รายการ ได้แชมป์มาครองทั้งหมด ทั้งทีมชุดชาย ทีมชุดหญิง คู่ชายทีมชุด และทีมหญิง 4 คน
เป็นหมายเลข 1 ของทวีปเอเชียต่อไปอีกครั้ง
ส่วนในระดับโลก ตะกร้อไทยก็ยังคงเป็นเบอร์ 1 เช่นกัน และในระหว่างวันที่ 23–30 ก.ย.นี้ ทีมหวดลูกพลาสติกไทยจะได้พิสูจน์ผลงานกันอีกรอบ
ในศึกเซปักตะกร้อชิงแชมป์โลก ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 33 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา
ครั้งนี้มี 29 ชาติตอบรับเดินทางมาร่วมแข่งขันใน 10 ประเภท ประกอบด้วย ทีมชุดชาย ชิงถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 10, ทีมชุดหญิง, คู่ชาย, คู่หญิง, ทีมเดี่ยวชาย, ทีมเดี่ยวหญิง, 4 คนชาย, 4 คนหญิง, ตะกร้อลอดห่วงสากลชายและหญิง
ส่วนไทยเราส่งชิงชัย 6 รายการ ได้แก่ ทีมชุดชาย, ทีมชุดหญิง, ตะกร้อ 4 คนชายและหญิง รวมไปถึงตะกร้อลอดห่วงชายและหญิง
แน่นอนว่า พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ยืนยันหนักแน่น ต้องการให้ทีมไทยกวาดแชมป์มาให้ได้ทั้งหมด
พร้อมกับเน้นย้ำเรื่องระเบียบวินัย ให้ทุกคนเดินทางไปโคราชด้วยรถไฟพร้อมกัน ห้ามนำรถส่วนตัวไป ป้องกันการหนีเที่ยว โดยสมาคมฯเหมาเอาไว้ให้ทั้งหมด 10 โบกี้
เพื่อตอกย้ำให้ไทยเป็นสุดยอดตะกร้อโลก ต่อไปเหมือนเดิม
แฟนกีฬาที่สนใจห้ามพลาด รับชมที่สนามได้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือจะดูจากการถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอทีวีก็ได้ ทางช่อง 3 วันที่ 28-30 ก.ย.นี้
ทีมชุดชายไทยจะได้แชมป์สมัยที่ 31 และทีมชุดหญิงจะได้แชมป์สมัยที่ 21 หรือไม่
ติดตามกันให้ดี...
ฟ้าคำราม