บี บางปะกง
ประเด็นใหญ่ทางสังคมของบ้านเราในห้วงที่ผ่านมา
หนีไม่พ้นกรณีฉาวของร็อกเกอร์สตาร์คนดังที่ก่อวีรกรรมผ่านโลกโซเชียลจนเป็นเรื่องเป็นราวให้สื่อเอาไป ประโคมข่าวหน้า 1 กันไม่เว้นแต่ละวัน
เล่นเอานายตำรวจระดับสารวัตรถึงผู้กำกับพากันเดือดร้อนถูกย้ายถูกเด้งไปตามๆกัน
เหตุเพราะเรื่องของ “ภาพลักษณ์” และความเหมาะสมไม่เหมาะสม ที่เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นเรื่อง
“เซนซิทีฟ” เปราะบางสุดๆสำหรับคนไทยไปเสียแล้ว ในยุคที่สังคมถูกพิพากษาด้วยเสียงจากชาวเน็ตทั้งหลาย
เช่นเดียวกับวงการฟุตบอลไทยที่วีกก่อนมีข่าวออกมาให้แฟนลูกหนังงุนงง หลังปรากฏชื่อของเปาคนดัง “ภูมรินทร์ คำรื่น” ได้รับการบรรจุชื่อให้เป็น “ผู้ตัดสินฟีฟ่า” ประจำปีนี้
ทั้งที่เจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงถูกสั่งพักงาน จากข้อหาพัวพันขบวนการล้มบอลอยู่แท้ๆ
ร้อนถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องรีบออกมาเคลียร์ว่าการเสนอชื่อของเปาฟีฟ่านั้น กระทำก่อนที่จะมีเรื่องมีราวเกิดขึ้น
และตอนนี้สมาคมฯก็ได้ส่งเรื่องไปยังสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เพื่อขอถอดถอนชื่อของเปาภูมรินทร์ออกจากสารบบเรียบร้อยแล้ว
ถือเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของเชิ้ตดำไทย และวงการลูกหนังบ้านเราไม่ให้เป็นที่ครหาในวงกว้าง
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งยวดเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับสมาคมฟุตบอลไทยในยุคที่ประกาศตัวเองว่าจะเปลี่ยนแปลงภาพพจน์ใหม่สู่ความใสสะอาดในทุกกระเบียดนิ้ว
ต้องถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องและถูกอกถูกใจแฟนบอล ที่ฝันอยากจะเห็นสมาคมกีฬาที่ “คลีน” ปราศจากสารปนเปื้อน หรือเจือไปด้วยผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างเคยชินกัน
ก็ขอเป็นหนึ่งแรงสนับสนุนให้ความตั้งใจจริงของคนเป็นนายกสมาคมฯอย่าง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จงสำเร็จลุล่วงสมใจปรารถนา
ผมเชื่อครับว่าคนเราถ้าตั้งใจดีก็จะมีแต่สิ่งดีๆเข้ามาตอบแทนในท้ายที่สุด
เอ้า ไหนๆก็เขียนถึง “บิ๊กอ๊อด” แล้ว ก็เลยอยากฝากไว้หน่อยเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯในยุคของท่านที่ภาพรวมทุกอย่างดูดีมีราคาอยู่แล้ว
เหลือจุดเดียวที่เป็น “จุดอ่อน” สำคัญ ที่ควรเร่งปรับแก้มานานแล้ว คือเรื่องภาพลักษณ์ผู้บริหารบางคนในองค์กร
ใครที่มีข่าวพัวพันการทุจริตทุกรูปแบบควรหรือไม่ที่จะได้ทำงานต่อ
เรื่องแบบนี้แม้ยังต้องมีกระบวนการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกเพื่อให้ความจริงปรากฏ
แต่ด้วยสามัญสำนึกกันจริงๆแล้วต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อน
เพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ดีให้คงอยู่ต่อไป!!!
บี บางปะกง