หน้าแรกแกลเลอรี่

ไทยจบอันดับ 5 ยูธพาราเกมส์ 'สกล' ชี้ผลงานทะลุเป้า

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

15 ธ.ค. 2560 21:00 น.

ทัพนักกีฬาคนพิการเยาวชนไทย จบอันดับ 5 ของตารางเหรียญในกีฬาเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ยูเออี โดยทำไปได้ทั้งหมด 16 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน 16 เหรียญทองแดง “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการกกท. เผยเป็นผลงานที่เกินเป้า พร้อมพัฒนานักกีฬาคนพิการต่อเนื่องต่อไป

วันที่ 15 ธ.ค. ความเคลื่อนไหวนักกีฬาทีมชาติไทยชุดเอเชียนยูธพาราเกมส์ ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ.2560 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา การแข่งขันปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว สรุปผลงานทัพนักกีฬาไทย คว้ามาได้ทั้งหมด 16 เหรียญทอง 13 เหรียญเงิน 16 เหรียญทองแดง จบอันดับที่ 5 ของตารางเหรียญ โดยกีฬาที่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้มากที่สุด คือ กรีฑา 10 เหรียญทอง โดยพรพรรษา สุวรรณมหาวงศ์ คว้าคนเดียวถึง 4 เหรียญทอง ในประเภทที 13 รายการ วิ่ง 100 เมตรหญิง, วิ่ง 200 เมตรหญิง, วิ่ง 400 เมตรหญิง และกระโดดไกลหญิง รองลงมา เป็นว่ายน้ำ ที่คว้ามาได้ 4 เหรียญทอง แบ่งเป็นเอกพันธ์ ทรงวิเชียร และเกียรติศักดิ์ สุวรรณศรี คนละ 2 เหรียญทอง และอีก 2 เหรียญทองนั้นมาจากบอคเซีย รุ่นบีซี 1 ณัฐวุฒิ ดีมาก และบีซี 2 บุญเทพ เพ็ชรดี

“บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการ กีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า สำหรับผลงาน ในครั้งนี้ถือว่าทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนมา ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้เป็นรุ่นใหม่ ต่างพยายามทำผลงานกันอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้นำข้อผิดพลาดและข้อมูลของคู่แข่งมาประเมินเพื่อกลับไปพัฒนากันต่อไปด้วย โดยนักกีฬากลุ่มนี้จะไม่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน เชื่อว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้า พวกเขาจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นทีมชาติชุดใหญ่ได้

ผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อถึงเรื่องของการพัฒนานักกีฬาคนพิการเยาวชนในประเทศ ว่า เดิมทีภายในประเทศมีการแข่งขันในระดับเยาวชนอยู่แล้ว คือการแข่งขันกีฬานักเรียนคนพิการแห่งชาติ ขณะที่ ทาง กกท.เองก็จะดูแลในส่วนของการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติที่จัดขึ้น 1 เดือนหลังการแข่งขันกีฬาแห่งชาติเป็นประจำ ดังนั้น คงจะไม่มีการจัดกีฬาเยาวชนคนพิการขึ้นมาอีกรายการหนึ่ง เพราะจะเป็นการทับซ้อนกัน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาตินั้นจะเป็นระดับประชาชน แต่ก็เปิดกว้างให้เยาวชนเข้าร่วมแข่งขันได้ด้วยเช่นกัน เพราะความจริงบางชนิดกีฬานั้น นักกีฬาเยาวชนสามารถแข่งขันกับรุ่นพี่ได้อย่างสูสี

“สิ่งสำคัญที่ กกท. อยากจะสื่อออกไปในครั้งนี้ คือ ผมมองว่าในตอนนี้ยังมีคนพิการเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมเหมือนปกติได้ แต่จริงๆแล้วกีฬานั้นสามารถช่วยได้ อยากให้ ครอบครัวสนับสนุนคนพิการให้มาเล่นกีฬากัน นอกจากจะได้เรื่องของสังคมต่างๆแล้ว บางชนิดกีฬา ยังช่วยให้ความพิการลดลงได้ด้วยเช่นกัน”

นายสกลกล่าวปิดท้ายว่า ทาง กกท.พร้อมที่จะสนับสนุน ฝึกให้คนได้เล่นกีฬา สามารถเข้ามาปรึกษากับทาง กกท.ได้ นอกเหนือจากเรื่องของการมีสุขภาพที่ดีแล้ว หากใครมีความสามารถก็พร้อมจะดันขึ้นเป็นทีมชาติได้เช่นกัน ดังนั้น จะทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน