บี บางปะกง
ฤดูกาลที่ผ่านมา ผมไม่ค่อยได้เขียนถึงเรื่อง “ฟุตซอลไทยลีก” เลยนะครับ เผลอแป๊บเดียวเขาเร่งเตะกันจบฤดูกาลเรียบร้อยแล้ว!!
ต้องแสดงความยินดีกับขุนพล “ฉลามโต๊ะเล็ก” ฟรีไฟร์ บลูเวฟ ชลบุรี ที่เข้าป้ายเถลิงบัลลังก์แชมป์เป็นสมัยที่ 11 ได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยมีคะแนนทิ้งห่างทีมรองแชมป์อย่าง ห้องเย็นท่าข้ามถึง 10 แต้ม จองแชมป์ก่อนจะปิดซีซันล่วงหน้าไปก่อนถึง 2 เกมแล้ว
หลายคนอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะมาตรฐานของบลูเวฟ เรื่องได้แชมป์ถือว่า“ธรรมดา” เอาไว้ปีไหนที่พลาดท่าถูกแย่งถ้วยแชมป์ไปนี่สิ ค่อยน่าสนใจหน่อย
แต่จริงๆแล้วถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามฟุตซอลกันจริงๆ จะทราบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นโยบายการทำทีมของผู้บริหารยุคใหม่ อย่าง “ประธานแปม” ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ บิ๊กบอสหนุ่มของฉลามโต๊ะเล็ก เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยล่ะครับ
จากอดีตที่บลูเวฟ ชลบุรี เคยเปรียบเสมือนทีม “รวมดารา” ที่เน้นดึงตัวแต่ดาวเตะซุปเปอร์สตาร์ของวงการฟุตซอลไทยมารวมไว้เป็น “คอลเลกชัน” ประดุจเป็นศูนย์รวมแข้งโต๊ะเล็กทีมชาติก็ไม่ปาน
ต้องบอกว่าช่วงหลังๆไม่ใช่แล้วนะครับ พวกเขาเปลี่ยนนโยบายมาเน้นผลักดันเยาวชนของสโมสรอย่างจริงจัง ถ้าจะเสียเงินซื้อแข้งตัวใหม่เข้ามาเสริมทัพ ก็จะเน้นไปที่ดาวรุ่งฝีเท้าคุณภาพเป็นหลัก
อย่าง “เจ้าเหม็ด” มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ยอดดาวซัลโวสูงสุดของศึกฟุตซอลไทยลีกในซีซันนี้ ที่กดไปคนเดียวถึง 30 ประตู ต้องถือเป็น “สเปก” ที่บลูเวฟต้องการเป็นที่สุด เพราะสามารถเอาไปปั้นเป็น “แข้งอิมพอร์ต” ส่งให้โกอินเตอร์ได้ไม่ยากเลยในวันข้างหน้า
“บิ๊กแปม” เล่าให้ผมฟังในรายการ “เม้าส์กีฬาประสาบีบางปะกง” ว่าภูมิใจมากกับความสำเร็จในครั้งนี้
เพราะก่อนเปิดฤดูกาลต้องเสียผู้เล่นตัวหลักไปพร้อมกันถึง 3 คน ไม่ว่าจะเป็น จิรวัฒน์ สอนวิเชียร, คฑาวุฒิ หาญคำภา ที่ย้ายสโมสรไปตามวิถี รวมทั้ง ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน ที่ลาไปอบรมนายตำรวจสัญญาบัตร ทำให้เป็นงานหนักของทีมพอสมควรกับการป้องกันแชมป์
แต่โชคดีที่ตนและ โค้ชคาร์ลอส เซซาร์ เห็นตรงกันว่า ควรใช้โอกาสนี้ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสายเลือดใหม่ได้ขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งเราก็คิดไม่ผิดจริงๆ เพราะนี่คือการสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่เพียงสโมสรเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงทีมชาติที่ใกล้จะต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดครั้งใหญ่กันในเร็ววันนี้ด้วย
สำหรับเป้าหมายต่อไปในฤดูกาลหน้า บลูเวฟมุ่งหวังที่จะดันนักเตะยังบลัดขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อีกหลายคน และคงจะมีการหานักเตะคุณภาพเข้ามาเสริมทัพในจุดที่ขาดไปด้วย
เนื่องจากเรามีแพลนที่จะส่งมูฮัมหมัด อุสมานมูซาไปค้าแข้งในยุโรปอย่างเต็มตัว โดยเล็งไว้ที่สเปนหรือโปรตุเกส ลีกของแชมป์ฟุตซอลโลกชาติล่าสุด เพื่อให้เขาอัปเกรดตัวเองไปสู่การเป็นแข้งระดับโลกอย่างแท้จริง
ขณะเดียวกัน “ประธานแปม” ยังแอบหวังด้วยว่า การกลับไปลุยถ้วยฟุตซอลสโมสรเอเชียอีกครั้งพวกเขาจะมีโอกาสได้เจอกับทีม นาโกยา โอเชียน แชมป์ฟุตซอลลีกญี่ปุ่น ที่มี “เทพอาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง เป็นกำลังสำคัญรวมถึง สโมสรแบล็คสตีล แชมป์ลีกแดนอิเหนา ของ “โค้ชหมี” รักษ์พล สายเนตรงาม
ซึ่งจะเป็นอะไรที่สวยงามเหลือเกิน สำหรับการเจริญเติบโตของวงการโต๊ะเล็กไทย
ที่ประกาศศักดา ยึดแถวหน้าของทวีปเอเชีย...อย่างเต็มภาคภูมิ!!!
บี บางปะกง