หน้าแรกแกลเลอรี่

เสมาเพชร" เตรียมจัดหนักรับน้อง "ฤทธิ์เทวดา" ศึก "ONE: NEXTGEN II" 12 พ.ย.นี้

ไทยรัฐออนไลน์

9 ต.ค. 2564 14:18 น.

"เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์" เตรียมจัดหนักรับน้อง "ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี" ศึก ONE: NEXTGEN II 12 พ.ย.64

วันที่ 9 ต.ค. 64 ความเคลื่อนไหว วัน แชมเปียนชิพ รีบจัดโปรแกรมล่วงหน้าประจำเดือนพฤศจิกายนสองนัดรวด ภายใต้ชื่อศึก ONE: NEXTGEN II และ ONE: NEXTGEN III ซึ่งจะออกอากาศในรูปแบบเทปการแข่งขัน วันศุกร์ที่ 12 และวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ตามลำดับ

เริ่มกันที่ศึก ONE: NEXTGEN II วันศุกร์ที่ 12 พ.ย.64 เอาใจแฟนหมัดมวยชาวไทย ด้วยศึกสายเลือดเดือดระหว่าง เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” ผู้รั้งอันดับ 1 แรงกิง ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (61.3 – 65.8 กก.) ซึ่งเดิมทีถูกวางตัวให้เปิดศึกกับเพื่อนรัก “ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” แต่ด้วยสถานการณ์ไม่เป็นใจทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยน

ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี

เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์เสมาเพชร จึงต้องมาทำหน้าที่รับน้องใหม่ป้ายแดง “ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี” ยอดนักมวยชื่อดังจากเมืองสุรินทร์ โดยทั้งคู่จะประมือกันในกติกามวยไทย 3 ยก สวมนวม MMA ขนาด 4 ออนซ์ในฐานะคู่เอกของรายการ

ส่วนคู่รองเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างนักกีฬาดาวรุ่งจากแดนมังกร “ถัง ไค” และ “The Big Heart” ยูน ชาง มิน นักสู้จอมแกร่งจากแดนกิมจิ ในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9 – 70.3 กก.)

ลิโต อาดิวัง

ต่อกันด้วยภาคสามกับศึก ONE: NEXTGEN III วันศุกร์ที่ 26 พ.ย.64 ซึ่งจับสายโหดทีมกางเกงแดง “Thunder Kid” ลิโต อาดิวัง มารับน้องใหม่จากอเมริกา “The Monkey God” จาร์เร็ด บรูกส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างตั้งตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาต ฉะฝีปากกันไปมาตั้งแต่ยังไม่เคยเจอหน้า ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีมือว่าใครจะเจ๋งกว่าในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รุ่นสตรอว์เวต (52.3 – 56.7 กก.)

พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม

ร่วมด้วยการกลับคืนสังเวียนของนักชกจอมบู๊ชาวไทย “แฝดอโยธยา” พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ที่พร้อมโชว์สปิริตนักสู้หัวใจใหญ่กว่าตับ กับอดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต “Babyface Killer” อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ที่ถูก “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” กระชากเข็มขัดแชมป์ไปต่อหน้าต่อตาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โดยศึกนี้ทั้งคู่จะเจอกันในกติกามวยไทย 3 ยก รุ่นแบนตัมเวต (61.3 – 65.8 กก.) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ อลาเวอร์ดี กลับมาชกกติกามวยไทยในรอบสองปีกว่า