ไทยรัฐออนไลน์
สองสาวนักกีฬาไทย ร่วมวิเคราะห์ในศึกชี้ชะตาของนักสู้ร่วมรุ่น "ริตู vs บิ เหงียน" โดยทั้งคู่เห็นพ้องชูมือให้กับความแกร่งของนักมวยปล้ำสาวแดนภารตะจะทำให้เธอซิวชัยในศึก ONE: DANGAL
วันที่ 14 พ.ค. 64 "แสตมป์ แฟร์เท็กซ์" นักกีฬาไทยตัวแม่ อดีตเจ้าบัลลังก์ ONE มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งติดโผเป็น 1 ใน 8 ร่วมแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวต ปลายเดือนนี้ จับมือนักสู้ลูกครึ่งไทย-ลาว "สุนิษา ศรีแสน" ร่วมวิเคราะห์และเก็งผลระหว่าง สาวดุเวียดนาม-อเมริกัน "บิ เหงียน" วัย 31 ปี เตรียมไฝว้กับนักปล้ำแดนโรตี "ริตู โฟกาต" วัย 26 ปี ในศึก ONE: DANGAL ซึ่งจะออกอากาศในรูปแบบบันทึกการแข่งขัน วันเสาร์ที่ 15 พ.ค.64
เริ่มจาก แสตมป์ ที่เคยมีไฟต์กับ บิ เหงียน มาแล้วเมื่อช่วงปลายปี 2562 และแม้ว่านักมวยปากแดงของเราจะสามารถซิวชัยไปได้อย่างขาดลอย แต่ก็ไม่สามารถคว่ำ บิ เหงียน ได้ก่อนครบ 3 ยกอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะคู่แข่งรายนี้อึดทนถึกกว่าที่เธอคิด
"บิ เหงียน มีลูกอึด ร่างกายบึกบึนมาก ออกอาวุธได้หนัก แต่ช่วงตัวค่อนข้างเสียเปรียบ ส่วน ริตู เป็นนักสู้สายปล้ำ ยิ่งในไฟต์หลังๆ เขาเก็บดีเทลโชว์ทักษะการใช้ BJJ และมวยปล้ำได้ละเอียดขึ้น มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นคิดว่าศึกนี้ ริตู น่าจะเป็นต่อ บิ เหงียน ทั้งเรื่องของความสด และเรี่ยวแรงก็น่าจะดีกว่า"
มาต่อกันที่ สุนิษา แม้เธอจะยังไม่เคยเจอกับ บิ เหงียน หรือ ริตู แต่ก็ติดตามดูไฟต์การแข่งขันของทั้งสองคนมาแล้ว "หนูเคยดูไฟต์ที่ พี่แสตมป์ เจอกับ บิ เหงียน เขาเป็นมวยเดินจังหวะแรก มีหมัดดี แต่ลูกเตะยังไม่คม นอนสู้ก็ยังไม่ค่อยเท่าไร ส่วน ริตู ดูจะแข็งแรงกว่า เขาคือนักปล้ำที่เก่งรวบและเก่งท่าล่างมาก สามารถพาคู่แข่งลงพื้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีหมัดดี แต่อาจจะไม่ได้ไวเท่า บิ เหงียน ถ้าเปรียบรูปร่าง ริตู จะได้ทั้งความสูงและความสด รวมถึงความต่อเนื่องจากการขึ้นเวทีในช่วงหลัง จึงให้ ริตู มีโอกาสชนะมากกว่าอยู่ 55% ค่ะ"
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ ถึงแม้ว่าทั้ง แสตมป์ และ สุนิษา ต่างเทใจให้กับ ริตู มากกว่า ก็ไม่ควรย่ามใจการเตรียมตัวของ บิ เหงียน ซึ่งอาจจะมีเซอร์ไพรส์ที่ใครต่อใครต่างคาดไม่ถึง เอาเป็นว่าแฟนๆ ต้องติดตามดูบทสรุปของคู่นี้ด้วยตาตัวเอง ในวันเสาร์ที่ 15 พ.ค.64 เวลา 17.00 น. ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship, AIS Play และรีรันทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 เวลา 23.00 น.