หน้าแรกแกลเลอรี่

"คาเรน เซห์" เผยเบื้องลึกการถ่าย "ONE : The Apprentice" ช่วงโควิดระบาด

ไทยรัฐออนไลน์

2 มี.ค. 2564 16:15 น.

เริ่มนับถอยหลังกันได้เลย เมื่อเรียลลิตี้รายการ "The Apprentice: ONE Championship Edition" พร้อมออกอากาศทางโทรทัศน์ในช่วงเดือนมีนาคมนี้แล้ว

สำหรับ ONE Championship เวอร์ชันนี้ อยู่ภายใต้แฟรนไชส์ของรายการเรียลลิตี้ ไร้สคริปต์ยอดนิยมชื่อดังของสหรัฐอเมริกา โดยจะถูกแยกออกมาจากเวอร์ชันคลาสสิกอย่างสมบูรณ์ ซึ่ง คาเรน เซห์ ผู้ก่อตั้ง Refinery Media (รีไฟเนอรี มีเดีย) เผยว่ารายการนี้จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้ชมอย่างแน่นอน

รายการ "The Apprentice: ONE Championship Edition" จะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 16 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วโลกให้มาเข้าร่วมทำภารกิจสุดท้าทายทั้งทางธุรกิจและกายภาพ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องขับเคี่ยวกัน เพื่อแย่งชิงสัญญาการทำงานกับนายชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน ONE เป็นเวลา 1 ปีเต็ม พร้อมค่าตอบแทนมูลค่าเฉียด 8 ล้านบาท

ขั้นตอนถ่ายทำรายการทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ช่วงที่เชื้อโควิด-19 กำลังแพร่ระบาด แต่ "The Apprentice: ONE Championship Edition" ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีภายใต้โปรดักชันที่สุดมหัศจรรย์

"แน่นอนว่ามันยากมาก เราต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างถูกต้อง ตอนนั้นการผลิตรายการของเรามีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เราต้องมั่นใจว่าเราได้กำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัย" เซห์ กล่าว

"ถ้าเราไม่สามารถทำให้มันถูกต้อง มันจะส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่ออื่นๆ ที่เหลือดูไม่ดีไปด้วย ตามปกติแล้วมันมีข้อจำกัดมากมายที่ทำให้สิ่งต่างๆ ยากขึ้นเป็นทวีคูณและใช้เวลาดำเนินการเพิ่มขึ้น แต่เรารู้สึกภูมิใจมากที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งพวกเราทำได้ดีมาก สิ่งนี้ทำให้ฉันมองเห็นสิ่งดีๆ สำหรับโปรดักชันอื่น ที่จะเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ในอนาคตต่อไป"

วัน แชมเปียนชิพ และ Refinery Media ดำเนินงานร่วมกับรัฐบาลสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท่องเที่ยวสิงคโปร์ (Singapore Tourism Board) ที่ได้จัดทำระเบียบข้อปฏิบัติด้านสุขภาพและการแพทย์ เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขัน, ทีมงาน และเหล่าแขกรับเชิญทุกคนปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ระหว่างที่ดำเนินการถ่ายทำตามสถานที่ยอดนิยมทั่วประเทศ ซึ่งแขกรับเชิญในรายการประกอบด้วยซีอีโอระดับสูงมากมาย เช่น เอริค หยวน จาก Zoom, แอนโธนี ตัน จาก Grab และ แพทริก โกรฟ จาก Catcha Group รวมถึงตำนานแห่งศิลปะการต่อสู้อย่าง จอร์จ เซนต์-ปิแอร์ และ เรนโซ กราซี

จากการเผยของ เซห์ การพาตัวของบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้จากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมายังสิงคโปร์ นอกเหนือจากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 คน จาก 11 ประเทศแล้ว ล้วนเต็มไปด้วยความยุ่งยากซับซ้อน แต่ทุกอย่างก็เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและผ่านพ้นไปด้วยดี

"เราทั้งหมดทุกคนต้องสวมหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) โดยเฉพาะทีมงานตากล้องและเครื่องเสียงที่ทำงานภายใต้อากาศที่ร้อนมาก แถมยังต้องแบกอุปกรณ์วิ่งตามผู้เข้าแข่งขันด้วย กฎระเบียบนี้เรานำมาใช้ แต่ไม่ใช่สำหรับคนทั่วไปที่ออกมาวิ่งเหยาะๆ หรือออกกำลังกายบางอย่าง มันดูเหมือนยากมาก แต่เราก็ต้องยอมลำบากเพื่อให้แน่ใจว่าการถ่ายทำจะออกมาดี" เซห์ กล่าวเสริม

"ถึงแม้จะต้องเจอกับความลำบาก แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับผู้ที่มองเห็นศักยภาพในสิ่งที่เรากำลังทำ และเต็มใจเสียสละเพื่อยอมเสี่ยงอยู่เสมอ ฉันไม่สนว่าการถ่ายทำจะยากและน่ากลัวขนาดไหน ฉันแค่ต้องการแน่ใจว่าเราทำได้ดีเกินความคาดหมาย เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ และเห็นได้ชัดเจน"

กระแสความนิยมอย่างสูงต่อรายการ "The Apprentice: ONE Championship Edition" เกิดขึ้นตั้งแต่การประกาศเมื่อต้นปี 2020 ซึ่งเมื่อทีมงานของเซห์ที่ Refinery Media ได้ทำงานร่วมกับ ONE ในการสร้างแนวคิดจุดเริ่มต้นคอนเซปต์ของรายการ เธอก็รู้แทบจะในทันทีว่าโอกาสทองได้มาอยู่ในมือของเธอแล้ว

การโปรโมตเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ช่วยเสริมให้รายการ Apprentice เวอร์ชันนี้ได้ชื่อว่าโหดหินที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเซห์ก็มั่นใจว่า ONE และ Refinery Media ได้ช่วยกันทำสิ่งที่จะสร้างความบันเทิงขั้นสุดให้แก่ผู้ชม

"ดีเอ็นเอด้านกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ ทำให้เราได้รับมุมมองที่น่าทึ่งในการผลักดันรายการนี้ให้แตกต่างไปจาก Apprentice เวอร์ชันเก่าอย่างสิ้นเชิง เมื่อรวมกับที่นายชาตรี (ศิษย์ยอดธง) มารับหน้าที่พิธีกรและหัวเรือใหญ่ของรายการ ฉันรู้ว่าฉันสามารถก้าวข้ามขอบเขตทั้งหลาย และทำสิ่งที่น่าตื่นเต้นพร้อมความแตกต่างได้จริงๆ ฉันมั่นใจมากว่ามันจะต้องออกมายอดเยี่ยม" เซห์ ร่ายยาว

"ฉันไม่คิดว่าจะมีใครจำมันได้ เพราะมันแตกต่างจากเวอร์ชันต้นฉบับอย่างมากในทุกด้าน"

สำหรับ "The Apprentice" คือหนึ่งในรายการเรียลลิตีทางโทรทัศน์ไร้สคริปต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีรูปแบบรายการคือให้กรรมการตัดสินทักษะทางธุรกิจของผู้เข้าแข่งขันที่จะต้องแย่งชิงกันเสนองานให้กับบรรดาซีอีโอที่มีชื่อเสียง ซึ่งที่ผ่านมารายการนี้เคยออกอากาศไปแล้วมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก

ซีซั่นแรกของ "The Apprentice: ONE Championship Edition" จะมีทั้งหมด 13 ตอน มีกำหนดเผยแพร่ทั่วเอเชียในวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคมนี้ ทางช่อง AXN ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์การออกอากาศอย่างเป็นทางการในทวีปเอเชีย ส่วนในประเทศไทยเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมนี้ (ทุกวันพุธ) ทางอมรินทร์ทีวี HD ช่อง 34 ตั้งแต่เวลา 22:30 น.และ LINE TV ตั้งแต่ 00:30 น. เป็นต้นไป

ส่วนการฉายทั่วโลกจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ผ่านแพลตฟอร์มทั้งทางโทรทัศน์และสตรีมมิง ซึ่ง เซห์ อยากเชิญชวนแฟนๆ ของทั้ง "The Apprentice" และ วัน แชมเปียนชิพ มาร่วมติดตามชมรายการนี้ที่มีคิวออกอากาศช่วงเดือนหน้า

"ฉันคิดว่าผู้ชมจะประทับใจในความเป็นสากล, ทันสมัย และรูปแบบการโชว์ที่น่าตื่นเต้น ผู้เข้าแข่งขันต่างมีคาแรกเตอร์ และความแข็งแกร่งที่น่าเหลือเชื่อ จากพื้นเพชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย มันน่าตื่นเต้นในการรับชม และคุณจะต้องทึ่งกับคุณภาพของการถ่ายทำด้วย"

"ฉันคิดว่ารายการจะทำให้ทุกคนนั่งชมอย่างจดจ่อกับซีนอารมณ์ที่มีความหักมุม บางครั้งผู้ชมอาจจะสงสัยตัวเองด้วยซ้ำว่า กำลังดูรายการเรียลลิตี้ หรือซีรีส์สุดดราม่าอยู่กันแน่"

สำหรับ Refinery Media คือบริษัทผู้ผลิตรายการเรียลลิตี้โทรทัศน์ชื่อดัง ด้วยประสบการณ์สูงในการผลิตรายการเรียลลิตีแบบไม่มีสคริปต์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพระดับแถวหน้า อันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง มีผลงานรายการต่างๆ ผ่านมาแล้วมากมาย อาทิ Amazing Race Asia, Asia’s Next Top Model, SupermodelMe, Cesar’s Recruit Asia ฯลฯ

เซห์เชื่อว่าการถ่ายทำ "The Apprentice: ONE Championship Edition" ในสิงคโปร์จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้จำนวนมากให้ระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการธุรกิจอิสระ

"ฉันเชื่อว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มต้น 'The Apprentice: ONE Championship Edition' ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถดำเนินการผลิตได้แม้อยู่ในช่วงที่ไวรัสแพร่ระบาดไปทั่วโลกแบบนี้ ทีมงานผู้ผลิตแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้ประโยชน์จากการรับมือสถานการณ์โควิด-19 อย่างยอดเยี่ยมของสิงคโปร์ได้ดีขนาดไหน"

"ในอนาคต จะมีความต้องการทางด้านเนื้อหามากขึ้น พวกเขาควรหันมาให้ความสนใจ และหาวิธีผลิตเนื้อหาคุณภาพดีออกมา นอกจากนี้ ฉันเชื่อว่าชาวเอเชียจะมีความต้องการมากขึ้น ในแง่ของบทบาทหน้ากล้อง ควรมีการสร้างผู้ผลิตให้มากขึ้น เพื่อรองรับผู้ชมทั่วโลก ฉันภูมิใจที่ได้พูดว่าโปรเจกต์นี้สร้างงานมากมาย ให้กับผู้ประกอบอาชีพฟรีแลนซ์ชาวสิงคโปร์".