ไทยรัฐออนไลน์
ชำแหละ 3 ประเด็นจากเกมสุดดราม่า เรอัล มาดริด พลิกนรกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
จบลงไปแล้วสำหรับ ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 4 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ซึ่ง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เปิดสนามซานติอาโก เบร์นาเบว เอาชนะ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไป 3-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปเจอกับ ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 28 พ.ค. นี้ ที่สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ประเทศฝรั่งเศส
ถ้าถามว่าเกมนี้มันดราม่าตรงไหน ก็คือนัดแรก เรอัล มาดริด บุกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ มาก่อน 3-4 ถือว่าเสียเปรียบพอสมควร และเกมนัดที่สองเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ เรอัล มาดริด มายิง 2 ประตูรวดใน 90 นาที แซงนำเป็น 2-1 สกอร์รวม 2 นัดเท่ากัน 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ คาริม เบนเซมา จะมายิงจุดโทษในนาทีที่ 95 ทำให้ เรอัล มาดริด ชนะไป 3-1 รวม 2 นัด ชนะ 6-5 เข้ารอบไปในที่สุด และนี่คือ 3 สิ่งที่ได้เห็นจากเกมนี้
1. โรดรีโก-เบนเซมา ท็อปฟอร์ม
นัดนี้ เรอัล มาดริด จะไม่สามารถพลิกนรกได้เลย ถ้าไม่มี โรดรีโก กับ คาริม เบนเซมา โดย โรดรีโก ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 68 ตอนที่ เรอัล มาดริด ตามหลังอยู่ 1-0 ซึ่งถ้าจบด้วยสกอร์นี้ เรอัล มาดริด จะตกรอบทันที ก่อนที่ดาวเตะะเลือดแซมบ้า จะมาทั้งยิงทั้งโหม่ง พา ราชันชุดขาว แซงนำ 2-1 ในนาทีที่ 90 และ 90+1 ตามลำดับ ทำให้สถานการณ์สามารถยืดเยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ เพราะสกอร์รวม 2 นัดมาเท่ากันที่ 5-5 ก่อนที่ คาริม เบนเซมา จะมาเรียกจุดโทษในนาทีที่ 95 และสังหารเข้าไปให้ มาดริด นำห่าง 3-1 และ 120 นาทีไปด้วยสกอร์นี้ ทำให้รวมผล 2 นัด เรอัล มาดริด ชนะไป 6-5 เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล
2. เป๊ป เปลี่ยนตัวพลาด
ต้องยอมรับว่าการปรับแท็กติกของ เป๊ป ในนัดนี้ ส่งผลเสียมากกว่าผลดี ตอนที่พวกเขานำอยู่ 1-0 รูปเกมก็ไม่ได้เป็นรอง เรอัล มาดริด แต่อย่างใด แต่อยู่ดีๆ ก็เอาตัวรุกอย่าง ริยาด มาห์เรซ ออก แล้วส่งตัวรับอย่าง แฟร์นันดินโญ ลงมา ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิครับ เรอัล มาดริด ลุยใส่แบบเต็มตัว จนมากระทุ้ง 2 ประตูรวด ก่อนนำมาซึ่งความพังพินาศของเรือใบสีฟ้าในที่สุด
3. เกมรับซิตี้สุดหลวม
แต่ละประตูที่เสียไปของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมนี้ แสดงให้เห็นถึงรอยร้าวในแนวรับ ประตูแรกไม่มีใครตามประกบ คาริม เบนเซมา ที่ได้หลุดมาตวัดเข้ากลางให้ โรดรีโก ยิงเข้าไป ส่วนประตูที่ 2 แบ็กซ้ายก็ปล่อยให้ คานี คาร์บาฆาล เปิดบอลได้อย่างง่ายดาย จนบอลมาเข้าหัว โรดรีโก โหม่งเข้าไป แถม รูเบน ดิอาส ยังสกัดพรวดใส่ เบนเซมา จนมาเสียจุดโทษและเสียประตูที่ 3 อีกต่างหาก