ไทยรัฐออนไลน์
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สำเร็จ และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้
1.ครึ่งแรกสุดฝืด-ครึ่งหลังสุดคม
เปิดากครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันแบบสุดมัน นาทีที่ 10 ไลป์ซิก เกือบขึ้นนำจากการยิงเน้นๆ ของ แดเนียล โอลโม แต่ อลิสสัน เบคเกอร์ ยังเซฟไว้ได้ จากนั้นนาทีที่ 18 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ ดิโอโก โชตา แต่ ปีเตอร์ กูลัคซี จอมหนึบไลป์ซิก บินปัดออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 41 โอกาสของหงส์แดง เมื่อ ดิโอโก โชตา โซโล่เดียวเข้าไปยิงในเขตโทษก็ยังไม่ผ่าน กูลัคซี และช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 45+1 โชตา ได้ยิงจ่อๆ ก็เข้าข้างตาข่าย ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 เรียกได้ว่าถ้าหงส์แดงจบคมๆ หน่อย อาจจะนำห่างไปแล้ว
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 55 ลิเวอร์พูลเปิดก่อนเลย ดิโอโก โชตา ยิงไปติดเซฟ กูลัคซี ก่อนที่ ซาลาห์ จะยิงซ้ำอีกทีก็ข้ามคาน จากนั้นนาทีที่ 65 ไลป์ซิก น่าได้ประตูสุดๆ จากการโหม่งของ ซอร์ลอต แต่บอลไปชนคานเต็มๆ กระทั่งนาทีที่ 70 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะต่อบอลสุดสวย ซาดิโอ มาเน แทงทะลุขึ้นมาให้ โชตา ไหลออกทางขวาให้ ซาลาห์ กระชากเข้าเขตโทษก่อนเลี้ยงตัดเข้าในแล้วกดด้วยซ้ายเข้าไปเลย แค่นั้นยังไม่พอ นาทีที่ 74 ลิเวอร์พูล หนีเป็น 2-0 เมื่อ ดิวอค โอริกี เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ มาเน ชาร์จจ่อๆ เข้าไป แล้วก็จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ แอร์เบ ไลป์ซิก 2-0 รวมผล 2 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 4-0 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายตามเป้า
2.ฟาบินโญท็อปฟอร์ม
นัดนี้ ฟาบินโญ ได้กลับมาเล่นตำแหน่งหมายเลช 6 หรือกองกลางตัวรับตามที่ถนัดอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ต้องไปรับบทเป็นกองหลังจำเป็นมาอย่างต่อเนื่อง และการกลับสู่ที่ที่ควรจะเป็นของ ฟาบินโญ ในครั้งนี้ก็สามารถช่วยยกระดับฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เพราะแข้งเลือดแซมบ้าคุมจังหวะในแดนกลางได้อย่างอยู่หมัด เข้าปะทะแย่งบอล ตัดเกมออย่างชาญฉลาด ออกบอลเร็ว ช่วยให้ทีมเล่นได้ไหลลื่นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และการมี ฟาบินโญ คอยยืนอยู่หน้าแผงหลังก็ทำให้ ติอาโก อัลคันทารา กับ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ไม่ต้องพะวงกับการเล่นเกมรับ และช่วยกันพาบอลขึ้นหน้า หรือสร้างสรรค์เกมรุกกันได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้เลยทีเดียว
3.มาเน-ซาลาห์-โชตา ทำเกมรุกหงส์ดุ
น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ สำหรับการประสานงานกันของ 3 แนวรุกหงส์แดงอย่าง ซาดิโอ มาเน, ดิโอโก โชตา และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ช่วยกันสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากมายในครึ่งแรก จะขาดก็เพียงความเฉียบคมเท่านั้นเอง แต่ครึ่งหลังในจังหวะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 การทำงานของทั้ง 3 คน ก็ประสบความสำเร็จจนได้ เริ่มจาก มาเน จ่ายบอลขึ้นมาให้ ดิโอโก โชตา ไหลต่อให้ ซาลาห์ กระชากเข้าเขตโทษก่อนยิงเข้าไปตุงตาข่าย มันช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกินกับการเข้าทำครั้งนี้ แต่ฟอร์มอันร้อนแรงของเกมรุกในนัดนี้อาจจะส่งผลกระทบกับ โรแบร์โต เฟอร์มิโน อย่างแน่นอน ที่ต้องรีบเร่งฟอร์มของตัวเองออกมา เพราะอาจจะหลุดไปเป็นตัวสำรองของ โชตา แบบยาวๆ เลยก็เป็นได้
4.เกมรับเหนียวแน่น
นัดนี้เชื่อว่าการที่ เยอร์เกน คลอปป์ กล้าที่จะใช้ โอซาน คาบัค จับคู่เซ็นเตอร์แบ็กกับ นาธาเนียล ฟิลิลิปส์ ก็เพราะว่ามี ฟาบินโญ ยืนเป็นตัวตัดเกมอยู่นั่นเอง เพราะ ฟาบินโญ จะคอยช่วยสกรีนบอลไม่ให้ทั้งคู่ต้องรับภาระหนักจนเกินไป ซึ่งภาพรวมของเกมรับในนัดนี้ก็ออกมาน่าพอใจมากๆ คาบัค เล่นมั่นใจขึ้น ส่วน ฟิลลิปป์ ก็ยืนตำแหน่งได้ดีและเก็บลูกกลางอากาาศได้แทบตลอดทั้งเกม ถึงขั้นที่หลังจบเกม คลอปป์ ยังต้งออกมาชื่นชมแผงหลังของทีมว่า “สองกองหลังตัวกลางของเราเล่นกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และแนวรับของเราก็ป้องกันการวิ่งตัดหลังของไลป์ซิกได้ดีมากๆ” เชื่อว่าจากนี้ไป ลิเวอร์พูล จะทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะแต่ละตำแหน่งเริ่มลงตัวแล้ว เดอะ ค็อป ทั้งหลายก็คงได้แต่ภาวนาว่าอย่ามีใครได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมก็พอ!
PUNABBEY