ไทยรัฐออนไลน์
บอลจบคนไม่จบ แข้งฟอเรสต์ จวกยับผู้ตัดสิน 2 มาตรฐาน เทียบกรณีลิเวอร์พูล-กับแมนยูฯ หลังตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ควันหลงฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 5 เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกไปเฉือนชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ คาเซมิโร ในนาทีที่ 89 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปเจอศึกแดงเดือด ปะทะกับ ลิเวอร์พูล คู่รักคู่แค้นตลอดกาลที่ถล่ม เซาแธมป์ตัน 3-0
แม้เกมจะจบแล้ว แต่คนยังไม่จบ เมื่อ มอร์แกน กิบบ์ส-ไวท์ แนวรุกตัวเก่งของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ออกมาโวยการทำหน้าที่ 2 มาตรฐานของผู้ตัดสินและวีเออาร์ ด้วยการโพสต์สตอรี่ลงอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพเปรียบเทียบจังหวะเสียประตูให้ แมนยูฯ จนต้องตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ กับจังหวะลิเวอร์พูลโดนริบประตูในศึกคาราบาว คัพ (ลีก คัพ) รอบชิงชนะเลิศ
มอร์แกน กิบบ์ส-ไวท์ ต้องการสื่อว่า แมนยูฯ ไม่น่าได้ประตูชัยจากการโหม่งของ คาเซมิโร เนื่องจาก ราฟาเอล วาราน อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าก่อนที่ บรูโน เฟอร์นันเดส จะเปิดฟรีคิกเข้ามาในเขตโทษ และยังพยายามขัดขวางการเล่นของ เฟลิเป กองหลังเพื่อนร่วมทีมด้วย
ดาวเตะฟอเรสต์ เปรียบเทียบว่าจังหวะนี้คล้ายกับประตูที่ ลิเวอร์พูล โดนริบในคาราบาวคัพ รอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง วาตารุ เอ็นโด อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และขัดขวางการป้องกันของ ลีไว โคลวิลล์ กองหลังเชลซี เพื่อเปิดทางให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าไปในครึ่งหลัง นาทีที่ 60 ก่อนมาได้ประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 118 เฉือนชนะ 1-0
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ตัดสินทั้ง 2 เกมยังเป็นคนเดียวกันด้วย นั่นคือ คริส คาวานาห์ ทำให้ มอร์แกน กิบบ์ส-ไวท์ มองว่าเป็นการตัดสินแบบ 2 มาตรฐาน แต่กลับชี้แจงว่าสาเหตุที่ แมนยูฯ ได้ประตู เนื่องจาก ราฟาเอล วาราน ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขัดขวางการป้องกันของ ฟอเรสต์ ขณะที่ ลิเวอร์พูล โดนริบ เพราะ วาตารุ เอ็นโด เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขัดขวางการป้องกันของ เชลซี