บี บางปะกง
ต้องใช้มืออาชีพ...มาดูแล
ต้องบอกว่า ใครไม่อาย...แต่คนไทยทั้งประเทศ “อาย” จริงๆ ครับ
กับเหตุการณ์ฝนตกหนัก ฟ้ารั่ว จนน้ำเจิ่งนองสนาม ระบายไม่ทันเวลา
เป็นเหตุให้เกมฟาดแข้งปรีซีซั่น ระหว่าง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ กับ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์
ต้องถูกยกเลิกการแข่งขันไปโดยปริยาย
ท่ามกลางความผิดหวัง และเซ็งอารมณ์แบบสุดๆ ของแฟนบอล
โดยเฉพาะสาวกของทั้ง 2 ทีม ที่ตั้งใจซื้อตั๋วมาเป็นกำลังใจให้ทีมรัก
ซึ่งเดินทางไกลข้ามทวีปมาโชว์ฝีแข้งให้พวกเราได้ดูกันตัวเป็นๆ ถึงหัวกระไดบ้าน
น่าสงสารมากที่สุด ก็คงจะเป็นผู้จัดการแข่งขัน ทั้ง “คิงเพาเวอร์” และ “เอไอเอ” ที่จับมือกันจัดศึกครั้งนี้ขึ้น
โดยทราบมาว่าพวกเขาวางแผนร่วมกันมาเป็นปีแล้ว
แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหน้างานแบบนี้
เป็นอะไรที่พูดไม่ออก บอกไม่ถูกเลยจริงๆ
ไหนจะขาดทุนย่อยยับไม่มีชิ้นดีแล้ว
ภาพลักษณ์ในการจัดกีฬาระดับประเทศ ก็พลอยต้อง “ติดลบ” ไปด้วย
จากปัญหาของสังเวียนแข่งขัน “ราชมังคลากีฬาสถาน”
ที่ไม่มีความพร้อมมากพอ ในการรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ความจริงเรื่องของฟ้าฝน มันเป็นอะไรที่เบสิกมากนะครับ
ไม่ว่าที่ไหนในโลก ล้วนแต่เจอกันมาแล้วทั้งสิ้น
เพียงแต่เขาแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่มีสะดุด
ด้วยหัวใจของระบบ “การระบายน้ำ” ที่เตรียมการมาเป็นอย่างดี
เรียกว่าพอฝนหยุดปุ๊บ ก็เตะกันได้ปั๊บ ไม่มีปัญหา
ต่างจาก ราชมังคลาฯ ของเรา ซึ่งปราศจากการเตรียมการทุกสิ่งอย่างที่ดีพอ
ขาดองค์ความรู้เรื่องของการ “ดูแลสนาม” ให้พร้อมสำหรับการใช้งานตลอดเวลา...อย่างที่ควรจะเป็น
สมควรแล้วล่ะครับ...ที่จะโดนสาธารณชนเขารุม “ดราม่า” ด่าทอ เวลาที่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น
มีอย่างที่ไหน เป็นองค์กรกีฬาของชาติแท้ๆ
แต่ไม่ยอมพัฒนาศึกษาหาความรู้ ในการดูแล “สนามกีฬาของชาติ”
ให้มีความพร้อมในทุกสถานการณ์
ไอ้เรื่องปล่อยสนามให้เอกชนเช่าใช้ไปจัดคอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอะไร เพื่อหารายได้
ผมว่ามัน...ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สิ่งสำคัญคือเมื่อใช้เสร็จแล้ว มีแผนฟื้นฟูสนามกันอย่างไร ให้ดีดังเดิมมากกว่า
ถ้าจำกันได้เมื่อปีที่แล้ว บ.เฟรชแอร์ฯ ของ เสี่ยวินิจ เลิศรัตนชัย เคยมาเช่าใช้สนามราชมังฯ จัดศึกแดงเดือด
ตอนนั้นแกลงทุนปรับปรุงสนามใหม่ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นพื้นหญ้า หรือระบบระบายน้ำทั้งในและนอกสนาม
แค่ลอกท่อเอาขยะหมักหมมโดยรอบออกทั้งหมด ต้องใช้เงิน 6-7 ล้าน
แต่เป็นสิ่งที่สมควรต้องทำ (อย่างยิ่ง) หากคิดจะใช้สนามแห่งนี้เป็นที่หารายได้ต่อไป
น่าเสียดายที่คนของ กกท. ไม่ได้ใส่ใจที่จะเอาความรู้เรื่องการดูแลสนามในระดับอินเตอร์
ของทีมงานเสี่ยวินิจ มาใช้เลยแม้แต่น้อย
พอแดงเดือดผ่านไป ทุกอย่างก็เป็นอีหรอบเดิม
ปล่อยสนามให้จัดคอนเสิร์ตทั้งปีทั้งชาติ
แต่ไม่ได้ลงไปดูรายละเอียดว่าเขาบริหารจัดการกับพื้นหญ้าถูกต้องตามหลักการหรือไม่ อย่างไร?
สุดท้ายทุกอย่างมันก็เลยหมกเม็ด มีสภาพเป็นแค่ “ผักชีโรยหน้า”
ก่อนที่ “น้ำลด ตอผุด” มาเกิดปัญหาที่ฉีกหน้า วงการกีฬาบ้านเรา
ชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างที่ได้เห็นกัน
สุดท้ายก็ฝากถึง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
จากบทเรียนความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ
ที่เราต้องหา “มืออาชีพ” มาช่วยดูแล บริหารจัดการสนามกีฬา อันเป็นสมบัติของชาติ
อย่างจริงจัง และจริงใจ
โดยไม่ต้องมา “วัวหาย แล้วล้อมคอก” กันอีก!!!
- บี บางปะกง -
joggingboy_be@yahoo.com