มะระหวาน
ไม่น่าจะมีอะไรพลิกโผแล้วสำหรับ เฟรงกี เดอ ยอง กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ มีโอกาสที่จะเก็บข้าวของย้ายจากบาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่จากแดนกระทิงดุ มาเล่นให้กับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2022–2023
ดีลนี้ตกเป็นข่าวแทบจะทันทีเมื่อเอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ ตอบตกลงย้ายมาคุมทัพในโอลด์แทร็ฟเฟิร์ด เนื่องจากอดีตกุนซืออาแจกซ์มองเห็นปัญหาแล้วว่าแดนกลางของแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นต้องแก้ไขมากที่สุดและเร่งด่วน
เฟร็ดกับสกอตต์ แมคโทมิเนย์ ที่อดีตกุนซือไม่ว่าจะเป็น ราล์ฟ รังนิก หรือโอเล กุนนาร์ โซลชา ตะบี้ตะบันส่งลงสนามนั้น มันไม่ค่อยเวิร์กสักเท่าไร
หลายคนมองออก แฟนบอลมองออก คู่ต่อสู้มองออก แต่กุนซือของ “ปิศาจแดง” มองไม่ออกจับยัดลงตัวจริงตลอดหากไม่มีอาการบาดเจ็บ
จนสุดท้ายผลก็ออกมาเละเทะได้แค่อันดับ 6 ในฤดูกาลล่าสุดเท่านั้น!!
การได้ เดอ ยอง มานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกองกลางวัย 25 ปีไม่ได้อยากย้ายทีม เนื่องจากตัวเขาได้เล่นให้กับบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นสโมสรที่ตัวเองใฝ่ฝันแล้วและไม่มีความคิดที่จะย้ายออกจากคัมป์นู แต่อย่างใด
ผมจำได้ตอนที่บาร์เซโลนาได้ตัวของ เฟรงกี ไปร่วมทัพมิดฟิลด์วัย 21 ปีในตอนนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะการได้มาลงเล่นในคัมป์นู นั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักเตะเลือดดัตช์ใฝ่ฝัน
และเมื่อ เดอ ยอง เข้ามาก็กลายเป็นตัวหลักของบาร์เซโลนาแทบจะทันที และเจ้าตัวก็มีความสุขมากๆ ที่ได้ลงเล่นในสีเสื้อเลือดหมูน้ำเงิน โดย 3 ฤดูกาลลงเล่นไปทั้งหมด 140 นัดรวมทุกรายการยิงได้ 13 ประตู
แต่โลกความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเสมอเมื่อช่วงปิดฤดูกาลทางบาร์เซโลนาที่อยู่ในภาวะหนี้ท่วมกว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 36,852 ล้านบาท) และความมั่นคงของสโมสรสั่นคลอนอย่างหนัก
จนต้องปรับเพดานเงินเดือนนักเตะและปล่อยตัวนักเตะออกจากทีมเพื่อคงสภาพการเงินของตัวเองเอาไว้
เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดต่อมาอยากได้ตัวของมิดฟิลด์เลือดดัตช์ทำให้บาร์เซโลนา ก็พร้อมที่จะปล่อยตัวทันที เพราะเฟรงกีถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะระดับท็อปที่สามารถขายได้ในราคาที่ค่อนข้างสูง
ตอนแรกเจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ต้องการย้ายทีม เพราะการเล่นให้บาร์เซโลนาคือความฝันและก็พร้อมที่จะฝากชีวิตการค้าแข้งที่เหลือเอาไว้ที่นี่
แต่ด้วยหนี้สินที่บาร์ซามีอยู่คงได้เจรจากันด้วยเหตุและผลจนเฟรงกีใจอ่อนยอมย้ายทีมมาอยู่กับ “ปิศาจแดง” ในที่สุด เพราะถ้านักเตะยืนยันว่าจะไม่ย้าย สโมสรก็ไม่สามารถบีบบังคับได้
จะว่าไปนอกจากบอร์ดบาร์ซากล่อมแล้วอีกหนึ่งคนที่ทำให้เฟรงกีเสียงอ่อนลงก็คือ เทน ฮาก อดีตกุนซือที่เคยปลุกปั้นเขาให้โด่งดังขึ้นมาจนทุกวันนี้
แม้จะต้องทิ้งความฝันของตัวเอง แต่การได้มาอยู่กับ เทน ฮาก ก็ไม่ได้แย่เพราะอย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่ามีคนที่สามารถพาเขาไปในหนทางสู่ยอดมิดฟิลด์ของโลกได้แน่ๆ
อย่างที่มีคนเคยบอกว่า “ความฝัน” กับ “ความจริง” มักสวนทางกันเสมอ
ในเคสของเฟรงกี เดอ ยอง ก็เช่นกัน!!
แต่อย่างน้อยเขาก็ได้ทำตามฝันของตัวเองไปบ้างแล้วและการลาทีมของเขาส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยทีมรักให้พ้นวิกฤติเรื่องการเงินเสียก่อน
เพราะในอนาคตเขาจะกลับไปสานฝันของตัวเองต่อในถิ่นคัมป์นู มันก็ยังไม่สาย!!
มะระหวาน