ไทยรัฐออนไลน์
แฟนบอลนิวคาสเซิล ที่อดทนกับเจ้าของทีมมา 14 ปี ดีใจยกใหญ่กับข่าวการเทคโอเวอร์ล่าสุดจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของอังกฤษ
วันที่ 7 ต.ค. 64 เดลี เมล สื่อดังเมืองผู้ดีเปิดเผยว่า #cans กลายเป็นแฮชแท็กที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของอังกฤษ หลังจากที่แฟนบอลนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด พร้อมใจกันติดแฮชแท็กนี้ รวมถึงแฮชแท็ก #nufc และ #nufctakeover หลังทราบข่าวว่า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อาจมีการอนุมัติการเทคโอเวอร์สโมสรในเร็วๆ นี้
สำหรับ #cans หมายถึง กระป๋องเบียร์จำนวนมาก ถือเป็นแฮชแท็กที่แฟนบอลนิวคาสเซิลนิยมใช้กัน เมื่อใดก็ตามที่มีการเฉลิมฉลองหลังจากได้รับข่าวดีเกี่ยวกับสโมสร ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มทุน พับลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (พีไอเอฟ) สามารถพิสูจน์ได้ว่ารัฐซาอุดีอาระเบียจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอำนาจในการควบคุมสโมสร
ทั้งนี้ พีไอเอฟ ได้แสดงว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเงินทุน 300 ล้านปอนด์ (13,800 ล้านบาท) ที่จะนำมาซื้อกิจการของ "สาลิกาดง" ถูกแยกออกมาต่างหากจากรัฐซาอุฯ ทำให้ พรีเมียร์ลีก เตรียมอนุมัติให้ผ่านการตรวจสอบผู้ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของและผู้บริหารสโมสรในลีก
ก่อนหน้านี้ พีไอเอฟ ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนจากการที่มีประธานเป็น มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ผู้ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหาร จามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวที่มีปัญหากับราชวงศ์ ซึ่งแน่นอนว่าได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ แต่ล่าสุด พีไอเอฟ พิสูจน์แล้วว่าเป็นหน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
รายงานระบุว่า การเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิล ที่หยุดชะงักไปเมื่อ 14 เดือนก่อน กลับมามีความเป็นไปได้อีกครั้ง หลังจาก ซาอุดีอาระเบีย ยุติข้อพิพาทเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กับ บีอิน สปอร์ตส สื่อโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของกาตาร์ เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในตะวันออกกลาง ด้วยการยกเลิกการถ่ายทอดสดแบบผิดกฎหมายผ่านทาง บีเอาต์คิว (beoutQ) และกลับมาให้รับชมทาง บีอิน สปอร์ตส ได้อีกครั้ง หลังจากมีการแบนที่ซาอุฯ เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง
ข่าวนี้ทำให้เหล่าสาวก "เดอะ แม็กพายส์" กลับมามีความหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเจ้าของทีมอีกครั้ง หลังจากต้องทนกับการบริหารที่ขาดความทะเยอทะยานของ ไมค์ แอชลีย์ มานาน 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2007 ซึ่ง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซัพพอร์ตเตอร์ส ทรัสต์ (Newcastle United Supporters' Trust) กลุ่มตัวแทนแฟนบอลของสโมสรได้เปิดเผยผลสำรวจว่า สมาชิกจำนวน 93 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุนให้การเทคโอเวอร์ประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ทั้ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องการซื้อทีมของกลุ่มทุนซาอุฯ ในครั้งนี้