ไทยรัฐออนไลน์
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลาดท่าเปิดบ้านแพ้ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ไปแบบหมดสภาพ และนี่คือ 4 ประเด็นที่ได้เห็นจากเกมนี้
1.รูปเกม
เปิดฉากครึ่งแรกมาแค่ 3 นาที เอฟเวอร์ตัน ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ ฮาเมส โรดริเกซ จ่ายบอลทะลุไปให้ ริชาร์ลิสัน หลุดเข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย จากนั้นนาทีที่ 19 หงส์แดงเกือบตีเสมอได้จากลูกวอลเลย์หน้าเขตโทษของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด พุ่งปัดออกไปได้ และถัดมา 2 นาที เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ตั้งป้อมซัดไกล แต่ พิคฟอร์ด ยังบินปัดออกไปได้อีก แต่นาทีที่ 33 เอฟเวอร์ตันเกือบได้เม็ดสองจากจังหวะพุ่งโหม่งของ เชมัส โคลแมน ยังดีที่ อลิสสัน เบคเกอร์ เซฟได้อย่างสุดยอด แล้วก็จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน บุกมานำ ลิเวอร์พูล 1-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ตได้ดี ได้ลุ้นจากลูกโหม่งของ ซาดิโอ มาเน 2 หนติด แต่ก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู จากนั้นนาทีที่ 70 ลิเวอร์พูล น่าตีเสมอสุดๆ จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ซัดจ่อๆ ในเขตโทษ แต่ พิคฟอร์ด ก็ยังเซฟไว้ได้ กระทั่งนาทีที่ 81 เอฟเวอร์ตัน มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง โดน เทรนต์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น กิลฟี ซิกูร์ดส์สัน รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด จบ 90 นาที เอฟเวอร์ตัน บุกชนะ ลิเวอร์พูล 2-0 จากความพ่ายแพ้ในนัดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล แพ้คาถิ่นแอนฟิลด์ 4 นัดติดต่อกันในลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 98 ปี นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ เอฟเวอร์ตัน คาถิ่นแอนฟิลด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 หรือกว่า 21 ปีเลยทีเดียว!!
2.เกมรับเอฟเวอร์ตันสุดยอด
นัดนี้เกมรับของ เอฟเวอร์ตัน เล่นกันได้ดีทุกคน เริ่มตั้งแต่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟลูกยิงยากๆ จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่เซ็นเตอร์แบ็ก 3 คน อย่าง ไมเคิล คีน เมสัน โฮลเกต และ เบน ก็อดฟรีย์ ก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คอยช่วยประสานงานกันในการจัดการกับแนวรุกของหงส์แดง และสกัดบอลจังหวะสำคัญๆ ได้หลายครั้ง โดยเฉพาะ ไมเคิล คีน ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ส่วนฟูลแบ็กซ้าย-ขวาอย่าง ลูคัส ดีญ และ เชมัส โคลแมน ก็ปังสุดๆ ทั้งเกมรุกและเกมรับ มีโอกาสเติมขึ้นมาลุ้นทำระตูด้วยกันทั้งสองคน ส่วนเกมรับก็ไม่ปล่อยให้ ซาลาห์ กับ ซาดิโอ มาเน ได้เจาะเข้ามามากนัก ถือได้ว่าสอบผ่านสุดๆ สำหรับเกมรับทอฟฟี่สีน้ำเงินในเกมนี้
3.เกมรุกหงส์ไร้ไอเดีย
แม้ว่า เอฟเวอร์ตัน จะมีเกมรับที่สุดยอด แต่เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ก็ควรที่จะทำให้คู่แข่งเจอความยากลำบากในการรับมือมากกว่านี้ ภาพเดิมๆ ที่คุ้นตาคือหวังที่จะใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน โจมตีทางริมเส้นเพื่อลุ้นแหวกเข้าไปยิง หรือผ่านบอลเข้ากลางให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ทำประตู ซึ่ง คาร์โล อันเชลอตติ ก็ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี อย่างที่บอกไปในข้อที่ 2 นั่นเอง สิ่งที่ หงส์แดง ขาดหายไปก็คือความคิดสร้างสรรค์ในการเข้าทำเกมรุกที่ควรจะมีความหลากหลายมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่การใช้ปีกโจมตี เกมนี้แทบไม่เห็นการตักบอลจากแนวลึกเข้าไปในกรอบเขตโทษเลย มีแค่การพยายามเจาะริมเส้น ทำให้เกมรับของเอฟเวอร์ตันดักได้หมดทุกทาง และที่เห็นน้อยมากๆ ก็คือการยิงไกล ทำให้คิดถึงตอนที่มี สตีเวน เจอร์ราร์ด หรือ ฟิลิปเป คูตินโญ ขึ้นมาทันที เป็นหน้าที่ของ เยอร์เกน คลอปป์ ที่จะต้องคิดหาทางแก้ไขต่อไป เพื่อพาทีมกลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง
4.จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เจ็บ
ถือเป็นข่าวที่ไม่ดีเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล เมื่อเกมนี้พวกเขาต้องมาเสีย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมคนเก่งที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง แม้เจ้าตัวจะพยายามฝืนที่จะเล่นต่อเพื่อช่วยทีม แต่ เยอร์เกน คลอปป์ ก็เลือกที่จะไม่เสี่ยง และเปลี่ยนตัวส่ง นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ลงมาเล่นแทนตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ต้องบอกเลยว่านี่คือปัญหาใหญ่ในแนวรับของ หงส์แดง ในเวลานี้ เมื่อพวกเขามีตัวผู้เล่นบาดเจ็บหลายรายไม่ว่าจะเป็น เฟอร์จิล ฟานไดค์, โจเอล โกเมซ และ โจเอล มาติป คิดแล้วก็ปวดหัวแทน คลอปป์ จริงๆ เพราะตัวที่ซื้อเข้ามาใหม่อย่าง โอซาน คาบัค ก็ผลงานไม่ค่อยดี ต้องรอดู เบน เดวิส อีกคนว่าจะผลงานเป็นอย่างไรเมื่อถูกส่งลงสนาม.
PUNABBEY