ไทยรัฐออนไลน์
“ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเสมอ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือด และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้
1.รูปเกม
เปิดฉากครึ่งแรกรูปเกมเป็นไปตามคาดเมื่อ ลิเวอร์พูล ที่ต้องการ 3 คะแนนอย่างมากในเกมนี้ พยายามครองบอลและเดินหน้าบุกเข้าใส่ แมนยูฯ อย่างหนัก ได้ลุ้นจากทั้งจังหวะยิงของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, โรแบร์โต เฟอร์มิโน 2 หน รวมถึง เซอร์ดัน ชาคิรี ที่ได้ลุ้นจากจังหวะยิงแฉลบบล็อกหลุดเสาขวามือออกไปนิดเดียว ส่วนปิศาจแดงมามีลุ้นแบบจริงๆ จังๆ ต้องรอจนถึงนาทีที่ 34 เมื่อ บรูโน เฟอร์นันเดส ปั่นฟรีคิกเฉี่ยวเสาออกไป ก่อนที่หงส์จะมามีลุ้นก่อนจบครึ่งแรกจากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กระชากเข้าเขตโทษบอลทะลักมาเข้าทาง เฟอร์มิโน ดันยิงเบาไปเข้ามือ ดาบิด เดเคอา เสียอีก ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 จากนั้นครึ่งหลัง เกมเปิดแลกกันมากขึ้น ผีแดงได้ลุ้นจากการยิงของ บรูโน แต่ ฟาบินโญ ปรี่มาบล็อกได้ทัน ต่อมาเป็นทีของหงส์แดงบ้าง โรเบิร์ตสัน ครอสจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง แต่ เฟอร์มิโน ยิงไปติดบล็อก แฮร์รี แม็คไกวร์ อย่างน่าเสียดาย เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสดท้าย ยูไนเต็ดได้ลุ้นจากจังหวะที่ ลุค ชอว์ ผ่านบอลจากฝั่งซ้ายเข้ากลาง บรูโน ได้ซัดแต่ อลิสสัน เบคเกอร์ ใช้ขาเซฟไว้ได้ ส่วนหงส์แดงได้ลุ้นจากการยิงไกลของ ติอาโก อัลคันทารา แต่ ดาบิด เดเคอา ยังปัดทิ้งได้ และโอกาสทองของแมนยูฯ มาถึงในนาทีที่ 83 เมื่อ อารอน วาน-บิสซากา ผ่านบอลจากฝั่งขวาเข้ากลาง พอล ป็อกบา ซัดเต็มข้อ แต่ไปติดอกของ อลิสสัน เซฟออกไปได้ ก่อนจะจบเกมด้วยสกอร์ 0-0 ในที่สุด
2.แรชฟอร์ดปรับทัศนคติด่วน
ทำเอาแฟนบอลปิศาจแดงพร้อมใจกับบ่นแบบไม่ได้นัดหมาย กับสไตล์การเล่นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในศึกแดงเดือดครั้งนี้ การพยายามที่จะพาบอลไปเองในหลายๆ ครั้งมันดูขัดหูขัดตาเสียเหลือเกิน บางจังหวะที่ควรจ่ายไม่ยอมจ่าย โดยเฉพาะจังหวะที่ได้สวนกลับเร็วขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ เอดิสัน คาวานี วิ่งทำทางรอให้อยู่แล้ว แต่เจ้าตัวไม่จ่าย ดันเลี้ยงกระชากออกทางขวาไปเรื่อยๆ จนหมดลุ้นซะอย่างนั้น ทั้งที่จังหวะนี้สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้เลย เพราะกองหลังหงส์แดงลงมากันแทบไม่ทันแล้ว บอกตามตรงเลยว่าถ้าอยากก้าวขึ้นไปเป็นสตาร์ดังของวงการลูกหนังโลก แรชฟอร์ด จำเป็นที่จะต้องเล่นเพื่อทีมให้มากกว่านี้ ปรับการตัดสินใจจังหวะต่างๆ ให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันก้มหน้าก้มตาเลี้ยง และพยายามหาทางยิงเองแทบทุกจังหวะอย่างที่เป็นอยู่
3.แนวรับแจ่มทั้งคู่
นัดนี้ต้องชื่นชมกองหลังของทั้งสองทีมว่าเล่นกันได้ดีสุดๆ ของฝั่งลิเวอร์พูลขอเลือกชมเป็น ฟาบินโญ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คู่เซ็นเตอร์ที่ความจริงแล้วเป็นนักเตะตำแหน่งกองกลาง แต่กลับประสานงานในเกมรับได้อย่างลงตัว แต่ความจริงก็คือความจริง ถ้าเป็นไปได้การมีกองหลังอาชีพอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โจเอล มาติป มาจับคู่กันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าอย่างแน่นอน แฟนหงส์แดงก็คงภาวนาให้ทั้งคู่หายเจ็บในเร็ววัน รวมถึง โจ โกเมซ อีกคนด้วย เพื่อที่จะให้ เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ กลับไปเล่นกองกลางตามปกติซึ่งจะส่งผลดีกับทีมแน่นอน ส่วนทางด้านแมนยูฯ เกมนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ เลือกส่ง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ลงตัวจริงแทน เอริก ไบญี ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น จนทำให้หลายคนเป็นกังวลว่าจะเอาแนวรุกหงส์แดงอยู่หรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่า ลินเดเลิฟ ประสานงานกับ แฮร์รี แม็คไกวร์ ได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยกันบล็อก ช่วยกันสกัด ช่วยกันดวลลูกกลางอากาศ จนช่วยให้ทีมคว้า 1 แต้มกลับออกไปจากถิ่นแอนฟิลด์ได้สำเร็จ ส่วนอีกคนที่เข้าตาสุดๆ ก็คือ ลุค ชอว์ แบ้กซ้ายหน้าหวานที่จัดการ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อย่างอยู่หมัด
4.จบไม่คมทั้งสองทีม
3 ประสานแนวรุกของลิเวอร์พูลถือว่าประสานงานกันน้อยๆ มากในเกมนี้ แต่พอมีโอกาสทองก็จบสกอร์กันไม่ได้เองโดยเฉพาะ โรแบร์โต เฟอร์มิโน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มีโอกาสได้ยิงในเขตโทษแต่ก็ยิงเบาหรือหลุดกรอบออกไปเอง ขณะที่ ซาดิโอ มาเน ก็โดน อารอน วาน-บิสซากา ตามติดตลอด ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ส่วนฝั่ง ปิศาจแดง 2 จังหวะที่ ลุค ชอว์ ผ่านบอลให้ บรูโน เฟอร์นันเดส ยิงนั้นสมควรได้ประตูอย่างมาก แต่ก็ต้องให้เครดิต อลิสสัน เบคเกอร์ ด้วยที่ปฏิกิริยาดีใช้ขาเซฟไว้ได้ ส่วนจังหวะที่ วาน-บิสซากา ผ่านบอลให้ พอล ป็อกบา ซัดเน้นๆ ก็ควรจะทำได้ดีกว่านี้ อาจจะเลือกยิงไปมุมใดมุมหนึ่ง ไม่ใช่ยิงตรงตัวโกลแบบนั้น
5.ผีเสมอไม่เสียหายมาก-หงส์น่าห่วง
จากผลเสมอในนัดนี้ทำให้ทั้งสองทีมแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน แมนยูฯ เก็บเพิ่มเป็น 37 คะแนน นำเป็นจ่าฝูงต่อไป แต่ก็ต้องระวังให้ดีเพราะมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไล่ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 มี 35 คะแนน ส่วน ลิเวอร์พูล ผลเสมอถือว่าไม่น่าพอใจสำหรับพวกเขาเลย เพราะทำให้มีอยู่ 34 คะแนน หล่นลงมาอยู่อันดับ 4 ของตาราง มีแต้มมากกว่าอันดับ 5 ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ เอฟเวอร์ตัน 1 และ 2 คะแนนตามลำดับเท่านั้น เรียกได้ว่านัดต่อไป หงส์แดง ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ เพื่อกลับสู่เส้นทางแห่งการลุ้นแชปม์อีกครั้ง เช่นเดียวกับ แมนยูน ที่ก็ต้องรักษาความคงส้นคงวา ถ้าแผ่วเมื่อไหร โดนแซงได้ง่ายๆ แน่นอน
**PUNABBEY**