ป๋อง กพล
หนาวแล้วจ้า หนาวแบบสุดๆ หนาวแบบไม่ทันตั้งตัว ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดมากๆ นะครับ ที่กรุงเทพมหานครจะอากาศเย็นจับใจแบบนี้ เรียกได้ว่าผมออกจากบ้านถึงกับต้องเตรียมเสื้อกันหนาวติดตัวมาเลยทีเดียว ผมล่ะชอบจริงๆ อยากให้อากาศหนาวแบบนี้ไปจนถึงช่วงปีใหม่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะทุกๆ ปี มันก็จะมาหนาวเอาแค่ไม่ถึงสิบวัน สุดท้ายก็กลับไปร้อนเหมือนเดิม ผมได้แต่อ้อนวอนขอร้อง ผมอยากหนาว ผมชอบอากาศแบบนี้ ช่วยหนาวไปนานๆ นะครับบบบบ
แต่ทว่าอากาศหนาวแบบนี้ ทุกคนก็ระวังเรื่องอาการป่วยกันด้วยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครมีลูกเล็กๆ ก็ระวังกันให้มากๆ นะครับ เพราะล่าสุด เจ้าปลาวาฬ ลูกชายคนเล็กผม ก็ป่วยเป็น RSV นอนโรงพยาบาลไปอาทิตย์นึงเต็มๆ ซึ่งเจ้าโรคนี้ หมอบอกว่า มันจะมาช่วงอากาศแบบนี้ล่ะครับ ขนาดลูกผมไม่ได้ไปโรงเรียนนะครับ ยังเป็นได้ แล้วน้องๆ หนูที่ไปนี่ยิ่งเสี่ยงกว่าอีก เพราะฉะนั้นฝากทุกท่านที่มีลูกหลาน ระวังกันด้วยนะครับ เป็นห่วงจริงๆ
มาเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่าครับ ช่วงนี้บอกตามตรงเลยว่า ไม่ค่อยได้ติดตามบอลสักเท่าไหร่เพราะงานเยอะจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นที่จะทิ้งมันไปเสียทีเดียว ก็ดูข่าวบ้าง อ่านข่าวบ้าง แต่น้อยนิดมากๆ ที่วันนี้จะพูดถึงเรื่องของบอลอังกฤษ ลีกที่เราคุ้นเคยกันมายาวนานเสียหน่อย ซึ่งบอกเลยนะครับว่าตลอดระยะเวลาเกือบห้าสิบปีที่ผมติดตามลีกนี้นั้น จะเรียกว่าลีกอินดี้ก็ว่าได้
เพราะลีกนี้มันไม่ค่อยเหมือนใครเลยก็ว่าได้ ลองนับเอาแค่ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป ก็แทบจะแปลกประหลาดแล้วล่ะครับ เรื่องแรกที่เห็นได้ชัดเลยก็คือเบรกหนีหนาว ตลอดระยะเวลาที่ผมติดตามมานั้น บอกเลยครับ คนดูบอลนั้นกำไรจริงๆ ครับ เพราะลีกนี้มันเตะกันลืมตายครับ ใครหยุด ฉันไม่หยุด ใครจะทำไม ก็หยุดกันไปซิครับ คนบ้านฉันบ้าบอลจ้า ยิ่ง Boxing Day ยิ่งดี คนดูเยอะ 5 วัน เตะมัน 3 นัดไปเลย สนุกดี อะไรแบบนี้
แต่มาตอนนี้ก็ดูเหมือนจะพยายามให้มีเบรกเหมือนกัน แต่ก็ไม่เบรกไปทุกทีมเหมือนคนอื่นเค้านะ คือหยุดครึ่งเตะครึ่ง ผมก็ถือว่าอินดี้อยู่ดี แถมเมื่อก่อนหนักกว่านี้อีกนะครับ ไม่อยากจะเหลา แต่ทว่าด้วยความอินดี้ของพวกเค้า มันก็กลายเป็นภาพจำที่เราบอกเลยว่า ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เราก็จะไม่คุ้นชินแน่ๆ
และด้วยความอินดี้ของพวกเค้า ล่าสุด ก็ดูเหมือนจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมาเสียแล้ว ถ้าเราตามข่าวกันดีๆ จะจำได้ว่า พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เคยมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของกฎบางข้อให้เข้ากับยุคโควิดที่ระบาดอย่างหนักจนทำให้พวกเค้าพักลีกมาแล้ว กฎนั้นที่ว่าก็คือ การเปลี่ยนตัวสำรอง ที่ในตอนนั้นให้เปลี่ยนกันได้ถึง 5 คน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเวิร์คเสียด้วยซ้ำ เพราะในเมื่อเกมการแข่งขันมีถี่ยิบเสียเหลือเกิน ถ้ายังคงใช้กฎแบบเดิมมันก็ไม่ไหวแน่ และเมื่อมีลีกอย่างบุนเดสลีกา เยอรมัน เป็นตัวนำร่องมาก่อน การที่จะเดินตามก็ไม่แปลก แต่ก็กว่าจะยอมนำมาใช้ ก็มีอาการคิดมาก แต่สุดท้ายต้านกระแสไม่ไหวก็ยอมปรับใช้
ซึ่งอย่างที่บอกล่ะครับ มันเป็นกฎที่ดีเลยทีเดียว และผมเห็นด้วยว่า ควรจะปรับไปใช้กันให้ถาวรไปเลย แต่ทว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นครับ เพราะพอเปิดลีกฤดูกาลใหม่มาปุ๊บ ไอ้ของดีๆ แบบนี้ก็หายไปหน้าตาเฉย พร้อมเสียงคัดค้านจากหลายๆ ทีมที่ไม่ควรจะเอากฎตรงนี้ออกไป เพราะในเมื่อลีกอื่นๆ ก็ยังคงใช้กันอยู่ แถมลีกตัวเองก็เตะถี่เหลือเกิน เรียกได้ว่า ถ้าเตะได้ทุกวันมันคงทำไปแล้ว
ซึ่งสุดท้ายเป็นยังไงล่ะครับ ผลกระทบตามมาเต็มๆ เมื่อเหล่าบรรดานักเตะเริ่มทยอยบาดเจ็บกันไปเรื่อยๆ ทีละคนทีละคน จนมันเริ่มเห็นผลเสียมากกว่าผลดี และทีมที่เจอผลกระทบมากสุด ก็คงหนีไม่พ้น หงส์แดง ที่เจอเข้าไปเต็มๆ ไม่นับกรณีของฟานไดค์นะครับ แต่ตัวหลักๆ ก็ไปเพียบ โดยเฉพาะแผงหลัง ถือว่าไปแทบยกแผง ไล่มาก็ไอ้หนูเทรนต์ ล่าสุดก็โกมิน เอนโกเมซ นี่ไม่รู้นะครับว่าต่อไปนี้จะมีใครเพิ่มหรือเปล่า หรือว่าทีมไหนจะทยอยตามหรือไม่
ตรงนี้ล่ะครับ ที่ถือว่าเป็นความอินดี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่อง VAR อีกนะครับ ที่มีปัญหาแทบทุกนัด กฎไม่ชัดเจน อยู่ที่อารมณ์ล้วนๆ แต่ก็ดีครับ สนุกดี เพราะมีเรื่องให้พูดถึงแทบจะทุกอาทิตย์ดีครับ เอาเป็นว่าไม่รู้คุณๆ คิดเหมือนผมกันหรือไม่ เชื่อเถอะว่าคงมีบ้างล่ะ ที่คิดเหมือนกัน เอาเป็นว่าวันนี้ลาไปก่อนนะครับ เจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีครับ