ป๋อง กพล
คำนี้คุ้นๆ กันหรือไม่ ถ้าไม่คุ้น ผมจะพาย้อนอดีตกันสักนิดนะครับ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018 หลังจากเกมพ่าย ลิเวอร์พูล แบบหมดท่าของ โชเซ มูรินโญ ก็มีข่าวไล่หลังออกมาทันทีว่า เค้าโดนปลดออกจากการเป็นกุนซือปิศาจแดงในทันที และหลังจากนั้น สโมสรก็เข้ากระบวนการสรรหากุนซือคนใหม่เข้ามาคุมทีม ในตอนนั้นชื่อกุนซือชื่อดังต่างๆ เข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ซีดาน โปเช็ตติโน คอนเต หรือแม้แต่ บล็องก์ ศิษย์เก่าของทีม
ซึ่งบอกตามตรงเลยนะครับว่า แต่ละคนที่มีรายชื่อเป็นตัวเต็งนั้น ไม่มีรายชื่อของ เบบี้เฟซ เพชฌฆาตหน้าทารก อยู่ในกระบวนการสรรหาเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไมอยู่ดีๆ เค้าคนนี้ถึงโผล่มาคุมทีมหน้าตาเฉย
ในตอนนั้น ผมใช้คำว่าตกใจเหมือนกัน ว่าทำไมอยู่ดีๆ เค้าคนนี้ถึงเข้ามาคุมทีมได้ซะอย่างนั้น ก็คิดเดาไปต่างๆ นานา ว่าอาจจะเป็นเพราะ กุนซือเป้าหมาย อาจจะยังไม่ตัดสินใจ หรือว่า จ่ายค่าจ้างไม่ไหว หรืออะไรต่อมิอะไรมากมาย และการมาของโอเล่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ได้เป็นตัวหลักถาวร ก็เลยเอามาแก้ขัดไปก่อนก็คงพอไหว
บอกตามตรงนะครับว่า ในตอนนั้นไม่ได้เชื่อมือเค้าคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว คิดว่าคงคุมได้เต็มที่ก็ไม่กี่นัด แล้วสโมสรก็คงหากุนซือตัวจริงได้อะไรแบบนั้น แต่ทว่าในระหว่างที่เค้าคุมทีมในฐานะกุนซือขัดตาทัพ ผลงานอันอุเอกชนิดที่ว่า ไม่มีกุนซือคนไหนในช่วงเวลานั้นทำผลงานได้ดีกว่าเค้าอีกแล้ว
สถิติ 19 นัด ชนะไป 14 เสมอ 2 แพ้ 3 ถือว่าดีมากๆ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่แพ้ใครติดต่อกันหลัก 10 เกมอีกต่างหาก จนเป็นที่มาของวลี อยากปลุกปิศาจ ต้องใช้ปิศาจ และเค้าก็ได้สัญญาเป็นกุนซือแบบถาวร ชนิดที่แฟนปิศาจแดงหลายๆ คนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
จนกระทั่ง โอเล่ เริ่มทำตัวเหมือนเงาะป่า คือถอดรูปเงาะออกหรือ??? เปล่าครับ ถอดรูปทองออกแล้วกลายร่างเป็นเงาะป่าแทน ผลงานหลังจากนั้นไม่ดีเอาซะเลย จนหลายๆ คนแอบติดตลกว่า รู้แบบนี้ ไม่รีบเซ็นถาวรก็ดีแล้ว ให้คุมทีมชั่วคราวไปเรื่อยๆ จะดีกว่า
และหลังจากจบฤดูกาลนั้น เค้าก็พาทีมไปเล่นในถ้วยยุโรปได้ แต่แค่ถ้วยเล็กเท่านั้น ซึ่งในตอนนั้นผมก็แอบคิดนะครับว่า มันไม่ใช่ทีมของเค้าอย่างแท้จริง รอให้เค้าเสริม ให้เค้าปรับจูนทีมเสียก่อน รับรองได้เลยว่าปิศาจแดงจะกลับมาผงาดง้ำอีกครั้งแน่นอน
และก็ดูเหมือนจะมีทรง เพราะการถอยกองหลังทีมชาติอังกฤษมา 2 คน ตามด้วยปีกอีก 1 น่องอีก 2 สะโพก 3 จะบ้าหรือไง ไม่ได้ซื้อไก่โว้ย มันทำให้ดูเหมือนว่า เค้าจะสามารถแก้ไขจุดด้อยของทีมลงไปได้แน่ๆ แต่ทว่าทุกๆอย่างก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผลงานของเค้าก็กลายเป็นว่า สามวันดี สี่วันไข้ เรียกได้ว่าวนลูปกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีกระแสข่าวในตอนนั้นว่า เค้าน่าจะโดนปลดในอีกไม่ช้าแน่ๆ แต่พอมีข่าวแบบนี้ทีไร ผลงานของเค้าก็กลับมาดีขึ้นซะแบบนั้น
เรียกได้ว่า วงจรชีวิตของเค้าเหมือนยุง คือแค่ 7 วันแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิดมาใหม่ เกิดมาใหม่แล้วก็ตาย วนไปวนมาแบบนี้ จนแฟนๆ เริ่มเซ็ง แต่ทว่าปิศาจอย่างเค้ามันตายยาก เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา การมาของเฮียบรูโน เหมือนมาปลุกปิศาจในตัวเค้าอีกครั้ง ผลงานของทีมกลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง จนทำอันดับไปถ้วยยุโรปได้อย่างหน้าตาเฉย กลายเป็นว่าเหมือนต่อชะตาชีวิตไปอีกครั้ง
จนกระทั่งฤดูกาลใหม่ล่าสุดเปิดมา ทุกอย่างที่เคยสวยงาม ก็กลับมาวนลูปเดิมอีกครั้ง เปิดบ้านแพ้ไปสามในลีก เสมอไปหนึ่ง ชนะแค่สอง แถมเป็นเกมนอกบ้านอีกด้วย ผลงานอยู่อันดับที่ 15 ของตารางคะแนน เห็นแล้วก็เหนื่อยใจแทนแฟนผี แถมสัปดาห์ล่าสุด แพ้ปืนใหญ่ผมคาบ้าน และบุกไปแพ้ในแชมป์เปียนส์ลีกอีก แถมเป็นการแพ้แบบเสียทรงมากๆ เล่นบอลแบบมั่วซั่วไปหมด ดูแล้วก็เห็นใจแฟนปิศาจแดงจริงๆ
ซึ่งงานนี้ถูกแฟนๆ ที่อื่นหยิบวลีเด็ด “อยากปลุกปิศาจ ต้องใช้ปิศาจ” กลับมาล้ออีกครั้ง ผมเห็นใจนะครับ และจริงๆ ก็เอาใจช่วยโอเล่ให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้โดยเร็ว แต่ดูทรงแล้ว ไม่รู้จะได้กลับมาคุมทีมหลังจากเบรกทีมชาติหรือไม่ เพราะถ้านัดต่อไป แพ้เอฟเวอร์ตันอีกล่ะก็ งานนี้บอกเลยว่า เก้าอี้กระเด็นแน่นอน
เอาเป็นว่า ผมทิ้งคำถามไว้ให้แฟนผีคิดเลยละกันนะครับว่า ถ้าไม่ใช่โอเล่ แล้วคุณอยากได้ใครมาคุมปิศาจตนนี้ต่อไป ลองช่วยแสดงความเห็นกันหน่อยครับ ผมอยากรู้ว่าพวกคุณคิดอย่างไร วันนี้หมดเวลาแล้ว ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะครับ วันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ