ไทยรัฐออนไลน์
370 เกมผ่านไปกับฤดูกาลที่ต้องจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ในรูปโฉมการแข่งขันแบบ “วิถีใหม่” (New Normal) จากการถูกโจมตีโดยไวรัสโควิด-19
ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากโปรแกรมที่ต้องหยุดกลางคันไปถึง 100 วัน แต่ในวันสุดท้าย ยังคงมีอีกหลายสิ่งที่ให้แฟนบอลได้ติดตามและลุ้นกันในวันสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เพื่อไม่ให้ตกชั้น หรือการแย่งพื้นที่ ไปเล่นในถ้วยยุโรปฤดูกาลหน้า ทั้ง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก
ใครจะตาม นอริช ลงไปเล่น แชมเปียนชิพ?
เป็นฤดูกาลแรก ที่จะไม่เห็นกล้องถ่ายทอดสดโคสอัพซีนอารมณ์ หรือ น้ำตาของแฟนบอล ในช่วงที่ทีมรักของตัวเอง ต้องโบกมือลาจากลีกสูงสุด หรืออยู่รอดปลอดภัยต่อไป
บอร์มัธ, วัตฟอร์ด และแอสตัน วิลลา สุ่มเสี่ยงไม่น้อยกับการที่จะตามนอริช ที่ตกชั้นไปก่อนหน้านี้ โดยในเกมสุดท้าย ทั้ง 3 ทีมต้องการชัยชนะเพื่อการันตีการได้อยู่เล่นลีกสูงสุดฤดูกาลหน้า
ตามโปรแกรม แอสตัน วิลลา จะบุกไปเยือน เวสต์แฮม ที่ลอยตัวแล้ว ส่วน วัตฟอร์ด ต้องเดินทางไปยังกรุงลอนดอนเช่นกันในการพบกับ อาร์เซนอล โดยต้องเดาใจว่า มิเกล อาร์เตตา จะเก็บตัวหลัก ไว้ชิงเอฟเอ คัพ หรือไม่ ขณะที่ บอร์นมัธ รองบ๊วย จะยกพลไปยังเมอร์ซีไซด์เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว
นักวิเคราะห์ข้อมูลด้านกีฬา Gracenote ที่ใช้ดัชนี Euro Club วิเคราะห์ถึงโอกาสทีมตกชั้น มองว่า บอร์นมัธ มีโอกาสตกชั้นมากที่สุด 95% ขณะที่วัตฟอร์ดอยู่ที่ 77.5% และแอสตัน วิลลา อยู่ที่ 28.5%
ทีมใดจะได้โควตาไปยุโรป?
ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จองพื้นที่ไปเล่นในถ้วยยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แน่นอนแล้ว ส่วนเชลซี, เลสเตอร์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังต้องต่อสู้เพื่อ 2 โควตาที่เหลือ
การบุกไปเยือน “จิ้งจอกสยาม” ทีม “ปิศาจแดง” ขอแค่ผลเสมอก็จะเพียงพอไปเล่นในถ้วย “บิ๊กเอียร์” ซึ่งตรงข้ามกับ เลสเตอร์ ที่ต้องชนะสถานเดียว ด้าน เชลซี ที่ยังมีเอฟเอ คัพให้ลุ้นอีกถ้วยเกมวันสุดท้าย ขอเพียงอีกแต้มเดียวในการเปิดบ้านพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน ลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะติดปีกโบยบินในเวทียุโรป ผิดกับ “ทีมหมาป่า” เกมมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ จะต้อง 3 แต้มเท่านั้น เพื่อความหวังในการไปเล่น ยูโรปา ลีก เป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน แต่หากเกมนี้ลูกทีม นูโน เอสปิริโต ซานโต ไม่มีแต้ม และ สเปอร์ส บุกไปชนะ คริสตัล พาเลซ ในเกมลอนดอน ดาร์บี้ “ไก่เดือยทอง”จะแซงไปยูโรปา ลีก โดยไม่ต้องสนกรณี อาร์เซนอล ได้แชมป์เอฟเอ คัพ หรือไม่ (*ยกเลิกการให้โควตารองแชมป์ทั้ง 2 ถ้วย ลีก คัพ,เอฟเอ คัพ อันดับ 6 และ 7 ได้ไปยูโรปา ลีก แทน)
ด้าน Gracenote วิเคราะห์พื้นที่ถ้วยใหญ่ ออกมาว่าลูกทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ มีโอกาสได้ไปเเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 88% ส่วน เชลซี กับ เลสเตอร์ ถูกมองโอกาสเท่ากันที่ 70%
แข้งอังกฤษ ทำสถิติติดาวซัลโว 2 อันดับแรก?
8 ปีที่แล้ว เจมี วาร์ดี ค้าแข้งกับ ฟลีตวูด ทาวน์ ทีมนอกลีก แต่ใครจะรู้่ว่า วันอาทิตย์นี้ กองหน้าจากเลสเตอร์ กำลังจะคว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรก
แนวรุกวัย 33 ปี จากคิง เพาเวอร์ สเตเดียม ทำไปแล้ว 23 ประตูในฤดูกาลนี้ นำหน้าศูนย์หน้าจากเซาแธมป์ตัน อย่าง แดนนี อิงก์ส ที่ยิงไล่กดดันตามหลังเพียง 2 ประตู
เลสเตอร์ แม้จะคุ้นเคยและได้เปรียบกับการเล่นในบ้าน แต่การพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด 2 ครั้งหลังสุด ลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สถิติย่ำแย่ แพ้ทั้งหมดอีกทั้งไม่สามารถทำประตูได้ นั่นจึงอาจเป็นคำถามสำหรับ วาร์ดี ขณะที่ แดนนี อิงก์ส นับตั้งแต่กลับมารีสตาร์ต ดาวเตะวัย 28 ปี ยิงไป 6 จาก 8 เกมหลังให้เซาแธมป์ตัน จึงน่าจะสร้างความปั่นป่วนได้ไม่น้อยในการพบ เชฟฯ ยูไนเต็ด
อย่างไรก็ดี หากทั้ง วาร์ดี และ อิงก์ส เข้าป้ายติดท็อปทูดาวซัลโว จะถือเป็นครั้งแรกที่มีนักเตะอังกฤษทำได้ หลังจากเกิดขึ้นครั้งหลังสุด ในฤดูกาล 1999-2000 ที่ เควิน ฟิลลิปส์ ที่ยิงให้ซันเดอร์แลนด์ 30 ประตู และอลัน เชียเรอร์ ของนิวคาสเซิล ทำได้ 23 ประตู
ส่วน ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง เกมสุดท้าย อยู่ที่ว่าจะเพิ่มตัวเลขจาก 20 ประตูแซงเข้าวินเป็นดาวซัลโวได้หรือไม่เพราะการเปิดบ้านเจอกับ วัตฟอร์ด อาจไม่ใช่เกมสำคัญเท่านัดชิง เอฟเอ คัพ ที่รออยู่ในอาทิตย์ถัดไป
ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ริง แนวรุกตัวจี๊ด แมนฯ ซิตี้ และ โม ซาลาห์ ของลิเวอร์พูล ที่ยิงไป 19 ประตูเท่ากัน แม้ทั้งคู่จะพอมีลุ้นดาวซัลโวอยู่บ้าง แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ยากเนื่องจากต้นสังกัดของทั้งคู่นั้นลอยตัวไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วนั่นเอง
ต้องติดตามกันว่าเกมนัดสุดท้ายพรีเมียร์ลีก จะดุเด็ดเผ็ดมันขนาดไหน และแต่ละทีมจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่
Mister T