ไทยรัฐออนไลน์
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เสียฟอร์มแชมป์บุกมาแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-4 และนี่คือ 4 ประเด็นสำคัญที่ได้เห็นจากเกมนี้
1. การจัดตัว-รูปเกม
นัดนี้ก่อนอื่นต้องชื่นชม เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูลที่แม้จะพาหงส์แดงคว้าแชมป์ไปแล้ว แต่ก็จัดตัวผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดในสนาม และต้องชื่นชม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ด้วยเช่นกันที่ให้เกียรติลิเวอร์พูลด้วยการตั้งแถวปรบมือให้หงส์แดง และจัดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามเช่นกัน ส่วนรูปเกมช่วง 20 นาทีแรกลิเวอร์พูลทำได้ดีเลยทีเดียว มีจังหวะที่ซาลาห์ยิงไปโดนเอแดร์สันเซฟ และยิงไปชนเสาอีก 1 ครั้ง แต่ลิเวอร์พูลก็มาพลาดเสียจุดโทษ และเป็นเควิน เดอ บรุน ที่ยิงให้ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากนั้นซิตี้ยิ่งเล่นยิ่งดี นำห่างเป็น 3-0 ก่อนจบครึ่งแรกจาก ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิล โฟเดน ขณะที่ครึ่งหลังเกมเปิดแลกอยู่พักใหญ่ แต่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด แชมเบอร์เลน ก็มาทำเข้าประตูตัวเอง ส่งให้เรือใบสีฟ้านำห่าง 4-0 ปิดโอกาสกลับสู่เกมของหงส์แดงไปเรียบร้อย
2. เกมสวนกลับเรือใบสุดยอด
เกมนี้ แมนฯ ซิตี้ ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของลิเวอร์พูล ทุกครั้งที่ลิเวอร์พูลจ่ายบอลพลาด พวกเขาจะสวนกลับด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เควิน เดอ บรุน, ฟิล โฟเดน, กาเบรียล เฆซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง ต่างมีความรวดเร็วและมีความเข้าขากันอย่างมาก ทำหน้าที่ของตัวเองกันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง กล้าเล่นกล้าลุยใส่แนวรับลิเวอร์พูล มีทัศนคติในการเล่นที่ดีมากๆ แม้จะไม่ได้แชมป์ในปีนี้ก็ตาม เควิน เดอ บรุน มีการจ่ายบอลทะลุช่องที่น่ากลัวสุดๆ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ความสามารถเฉพาะตัวดีจนแนวรับหงส์แดงเอาไม่อยู่ ส่วน ฟิล โฟเดน ก็เคลื่อนที่ได้สุดยอดมาก ทำเกมได้ ยิงประตูดี อนาคตสดใสแน่นอน
3. โจ โกเมซ-แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เล่นผิดฟอร์ม
เป็นวันที่น่าผิดหวังของ 2 แนวรับ ลิเวอร์พูล เริ่มต้นที่ โจ โกเมซ ขาดสมาธิในการเล่นไปมากพอสมควร จากรูปเกมของทีมที่กำลังไปได้สวย แต่เขาก็มาเสียท่าให้กับ สเตอร์ลิง จนทีมเสียจุดโทษ และจากนั้นก็โดน สเตอร์ลิง แตะหลบไปยิงในประตู 2-0 อีก แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะว่าเขาก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของ เยอร์เกน คลอปป์ อยู่แล้ว แต่ โจเอล มาติป เจ็บ เขาจึงได้ลงเล่น แต่ที่น่าผิดหวังมากกว่าคือ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายดีกรีกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ กลายเป็นอีกหนึ่งบ่อใหญ่ๆ ที่ซิตี้ใช้โจมตีในเกมนี้ เพราะเขาหลุดตำแหน่งบ่อยมากเนื่องจากเติมขึ้นสูงแล้วลงมาไม่ทัน
4. ความกระหายต่างกัน
ลิเวอร์พูลลงเล่นในฐานะทีมที่ได้แชมป์ไปแล้ว ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นเพื่อศักดิ์ศรีในถิ่นของตัวเอง ดังนั้นความกระหายในการเล่นจึงแตกต่างกันพอสมควร ซิตี้เน้นทุกจังหวะ ส่วนลิเวอร์พูลนั้นดูเหมือนจะเหม่อและขาดความชัวร์ในการเล่นซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีมาตลอดฤดูกาล อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงความพ่ายแพ้นัดที่ 2 ของหงส์แดงเท่านั้นในลีกฤดูกาลนี้ และพวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีมาครองได้สำเร็จครั้งแรกในรอบ 30 ปีตามเป้าหมายที่ต้องการแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องให้ต้องเสียใจ และนับวันรอชูถ้วยแชมป์อย่างเป็นทางการให้แฟนๆ ได้ฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยงในอีกไม่กี่อึดใจ
***PUNABBEY***