หน้าแรกแกลเลอรี่

ผงาด! 'อลิสสัน' เผย 6 ปัจจัยเลือกซบหงส์ เปิดชื่อเพื่อนรักทำเขาย้ายทีม

ไทยรัฐออนไลน์

20 ก.ค. 2561 08:00 น.

อลิสสัน เบกเกอร์ นายทวารป้ายแดงของลิเวอร์พูล เผย 6 ปัจจัยสำคัญย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ด้วยค่าตัวสถิติโลก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันที่ 19 ก.ค. ว่า อลิสสัน เบกเกอร์ นายประตูคนใหม่ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เผย 6 ปัจจัยหลักเลือกย้ายมาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ ประกอบด้วยบรรยากาศที่สนามแอนฟิลด์, สไตล์การเล่นของหงส์แดง, ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่, นักเตะแต่ละคนที่ย้ายมา, โปรเจกต์ที่กำลังพัฒนาเรื่อยๆ รวมถึงโรแบร์โต เฟอร์มิโน เพื่อนซี้ในทีมชาติบราซิล

นายประตูวัย 25 ปียอมรับว่าบรรยากาศภายในสนามแอนฟิลด์ตอนที่หงส์แดงเอาชนะโรมา 5-2 ในเลกแรกรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกคือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาย้ายมาที่นี่

“ใช่เลย มันคือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งกับการตัดสินใจครั้งนี้” อลิสสัน กล่าว “เมื่อคุณจะต้องตัดสินใจอะไรที่สำคัญแบบนี้มันไม่ใช่แค่การตัดสินใจย้ายสโมสรเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในชีวิต ทั้งชีวิตผม ชีวิตครอบครัวของผม ภรรยาของผม และลูกสาวของผม

“แน่นอนเกมนั้นมันมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผมอย่างมากแต่ผมก็ดูเกมอื่นๆเช่นกัน ผมเห็นเกมอื่นและผมก็ดูแนวทางที่คลอปป์ทำทีม

“นั่นมันทำให้ผมตื่นเต้นจริงๆที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้ นอกจากนั้นแล้วสโมสรก็ยิ่งใหญ่มาก รวมถึงนักเตะแต่ละคนที่ย้ายมาที่นี่และแชมป์มากมาย ผมหวังว่าผมจะได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่กำลังสร้างขึ้นที่นี่ พาทีมคว้าแชมป์ และเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ที่พัฒนาจากสองสามปีที่ผ่านมาที่นี่ ดังนั้นเราจะได้เห็นลิเวอร์พูลผงาดอีกครั้ง”

นอกจากนี้ อลิสสัน ยังเผยด้วยว่า โรแบร์โต เฟอร์มิโน เพื่อนร่วมชาติ ก็มีอิทธิพลต่อการย้ายมาเล่นให้กับ “หงส์แดง” ด้วยเช่นกัน

“ผมคุยกับเขาหลายเรื่องก่อนจะย้ายทีมเสียอีก เมื่อการเจรจากลายเป็นทางการผมก็คุยกับเขาและผมก็ได้ยินแต่เรื่องดีๆเกี่ยวกับสโมสรและเมืองนี้

“เขาคือนักเตะที่รู้สึกว่าบ้านของเขาอยู่ที่นี่จริงๆ เขาได้รับความรักจากแฟนบอลและฮอตในหมู่เพื่อนฝูงด้วย

“เขาเป็นคนดีและมีแต่เรื่องดีดีที่จะพูด เขาบอกว่าหากผมย้ายมาที่นี่ผมจะมีความสุขไม่ต่างจากเขา

“มิตรภาพของเรายอดเยี่ยม เราใช้เวลาร่วมกันที่ทีมชาติ ผมแฮปปี้จริงๆที่ได้อยู่สโมสรเดียวกับเขาและทำกิจวัตรประจำวันเหมือนกับเขา

“หวังว่าเราจะพัฒนาไปด้วยกันนะ”