โต้ บ้านแหลม
พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้งวดเข้าไปทุกที เหลืออีก 9 นัดก็จะปิดซีซั่น “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชือดเชลซี 1-0 ในเกมล่าสุด ถ้าชนะอีก 4 นัดก็จะลอยลำคว้าแชมป์ทันที
พลิกดูโปรแกรม 4 นัดข้างหน้าของเรือใบ 12 มี.ค. สโต๊ก ซิตี้ (เยือน), 31 มี.ค. เอฟเวอร์ตัน (เยือน), 7 เม.ย. แมนฯยู (เหย้า) และ 14 เม.ย. ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (เยือน)
ศึกหนักอยู่ที่ผีแดงและไก่เดือยทอง แต่ถ้าแมนฯยูและทีมอันดับรองลงไปทำแต้มหล่น ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ชนะต่อเนื่องก็มีโอกาสคว้าแชมป์ที่เอติฮัด ในเกมพบกับแมนฯยู
คงเป็นการฉลองแชมป์ที่สะใจที่สุดของแฟนบอลฟากหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ ส่วนแฟนผีแดงถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเห็นทีมคู่ปรับร่วมเมืองได้แชมป์ในเกมนี้เช่นกัน
สถานการณ์ครึ่งล่างของตารางเบียดกันอย่างสูสีชนิดที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก นับตั้งแต่ไบรท์ตัน ทีมอันดับ 10 ลงไป ยังมีโอกาสตกชั้นทุกทีม เพราะไบรท์ตันมีแต้มเหนือโซนตกชั้นแค่ 7 แต้มเท่านั้น
มีประเด็นน่าสนใจตรงที่ทีมน้องใหม่ 3 ทีม ประกอบด้วย ไบรท์ตัน (อันดับ 10), นิวคาสเซิล (15) และฮัดเดอร์สฟิลด์ (16) ยังอยู่เหนือโซนตกชั้น
ถ้า 3 ทีมนี้เอาตัวรอดได้เล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไป จะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้นในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ทีมน้องใหม่ไม่ตกชั้นแม้แต่ทีมเดียว
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2001-02 ฟูแลม, โบลตัน และแบล็กเบิร์น ที่เพิ่งขึ้นชั้นมาเล่นในลีกสูงสุด รอดทั้งหมด อีก 10 ปีต่อมาในฤดูกาล 2011-12 ควีนสปาร์ก, นอริช และสวอนซี ก็ไม่ตกชั้น รอดูกันต่อไปว่า หวยจะออกที่ทีมไหนกันบ้าง
น่าเห็นใจรอย ฮอดจ์สัน กุนซือจอมเก๋าของคริสตัล พาเลซ เขาให้สัมภาษณ์หลังเกมที่พ่ายแมนฯยู 2-3 ทั้งที่นำก่อน 2-0 และแพ้ด้วยประตูชัยช่วงทดเจ็บว่า เป็นวันที่น่าเศร้าเหลือเกิน เพราะพาเลซต้องดิ้นรนหนีตกชั้น 3 แต้มที่หล่นหายไปสำคัญมาก ทำให้พวกเขารั้งอันดับ 18 หากชนะมีโอกาสพุ่งขึ้นไปอันดับ 12-13 เลยทีเดียว
“ปิศาจแดง” แมนฯยู ถอนหายใจโล่งอก เพราะก่อนหน้านี้แพ้เกมเยือนมา 2 นัดติดต่อกัน กองเชียร์ไม่ได้เห็นชัยชนะตอนใกล้หมดเวลาแบบนี้นานแล้ว
นัดต่อไปในวันเสาร์ที่ 10 มี.ค. แมนฯยูเล่นในบ้านทำศึกแดงเดือดกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรง ถ้าลูกทีมมูรินโญเล่นเหมือนครึ่งแรกที่พบกับพาเลซ มีหวังเจ๊งคาโอลด์แทรฟเฟิร์ด
ถ้ายกให้เรือใบลอยลำคว้าแชมป์ การชิงตำแหน่งรองแชมป์ซีซั่นนี้สนุกดีเหมือนกัน เอาแค่ผลัดกันนำผลัดกันแซง 2 สัปดาห์หลังสุด ก็ทำให้กองเชียร์แมนฯยูและลิเวอร์พูลเกทับบลัฟแหลกกันได้อย่างดุเดือด
ไม่ใช่แค่ 2 ทีมแดงเดือด ยังมีสเปอร์สที่ได้ลุ้นอันดับ 2 ด้วย เพราะมีแต้มตามหลังผีแดงและหงส์แดงแค่ 4 และ 2 แต้มเท่านั้น
แมตช์ที่เหลือแมนฯยูยังต้องเจอศึกหนักนอกจากลิเวอร์พูลแล้ว มีทั้งแมนฯซิตี้และอาร์เซนอลที่รออยู่ ส่วนลิเวอร์พูลหลังเตะกับผีแดง มีเกมใหญ่กับเชลซีในวันที่ 5 พ.ค. ส่วนสเปอร์สต้องเตะกับเชลซีและแมนฯซิตี้ในเดือน เม.ย.
แมนฯยู-ลิเวอร์พูล มีเป้าหมายเดียวกัน ทั้งท็อปโฟร์และรองแชมป์ ศึกแดงเดือดเสาร์นี้จึงมีความหมายอย่างยิ่ง ไม่น่าจะกร่อยเหมือนนัดแรกที่แอนฟิลด์.
โต้ บ้านแหลม