iPoppz_5
หลังผ่านพ้นหลักไมล์นาทีที่ 90 ของการแข่งขันคู่ระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ "นักบุญแดนใต้" เซาแธมป์ตัน ที่สังเวียน เอติฮัด สเตเดียม สกอร์บอร์ดยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่ 1-1 แม้จะมีการทดเวลาบาดเจ็บออกไปถึง 5 นาที แต่ด้วยแนวรับที่แข็งแกร่งดุจภูผาของทีมเยือนก็ทำให้เชื่อกันว่า ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เทรนเนอร์ชาวสแปนิชคงจะเก็บได้เพียงหนึ่งแต้มเข้ากระเป๋าเท่านั้น...
กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายและเป็นการบุกครั้งสุดท้ายของเกมนี้ เจ้าถิ่น ดาหน้าบุกใส่แลกหมดหน้าตัก ก่อนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง แข้งฟอร์มร้อนจะรับบอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษจาก เควิน เดอ บรุน ก่อนตัดสินใจปั้นโค้งๆ บอลพุ่งเสียบหน้าต่างเสาไกลเข้าประตูไปอย่างหมดจด สุดปัญญาที่ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ จะป้องกันได้ ก่อนที่เสียงนกหวีดยาวจะดังขึ้นในไม่กี่วินาทีให้หลัง
ประตูชัยในเกมดังกล่าวจากอดีตเด็กเคยหงส์อย่าง ราฮีม ช่วยให้ทีมของเขาเก็บสามคะแนนอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ด้วยการมี 40 คะแนน จากการลงสนาม 14 นัดถีบตัวเองหนีห่างผู้ตามมาอย่าง "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ห่างออกไปเป็น 8 คะแนนเหมือนเดิม พร้อมกับขยับผลต่างเป็นบวก 35 ประตูจากผลงานยิงได้ถึง 44 และเสีย 9 ลูกเท่านั้น และที่สำคัญยังสร้างสถิติโกยแต้มได้มากที่สุดจาก 14 เกมแรกเป็นประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ ลีกทาบสถิติ "ไก่เดือยทอง" ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ชุดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ เมื่อปี 1961 อีกด้วย
เมื่อไล่เรียงดูในกลุ่มบิ๊กไฟว์ อันดับที่สอง "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตาม 8 คะแนน, อันดับที่สาม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ตาม 11 คะแนน, อันดับที่สี่ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ตาม 12 คะแนน, อันดับที่ 5 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ตาม 14 คะแนน และขอหยิบยก "ไก่เดือยทอง" ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ฟอร์มรูดไปหน้าตาเฉยในพักหลังตามหลังไกลสุดกู่ถึง 16 คะแนน
จริงๆ แล้วไม่ได้บอกว่า โชเซ มูรินโญ, อันโตนิโอ คอนเต, อาร์แซน เวนเกอร์, เยอร์เกน คลอปป์ อาจนับรวมถึง เมาริซิโอ โปเชตติโน ทำผลงานแย่อะไรนักหรอก แต่กลายเป็นว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำผลงานได้แจ่มแมวเกินไปต่างหาก มีอย่างที่ไหนลงแข่งไป 14 นัด ซิวชัยไปถึง 13 เกม และเป็นการชนะรวด 12 เกมติดต่อกันในลีก และ 19 เกมติดต่อกันในทุกรายการ แนะนำว่าให้เอามือปิดอันดับที่ 1 แล้วลมหายใจของทีมที่ตามมาจะสดชื่นขึ้นเอง
ประโยคชวนงุนงงปนสงสัยที่ว่ามานี้คือ ให้ทีมที่ตามมาทำการหดเป้าหมายจากแชมป์ลงมาเหลือลุ้นอันดับที่ 2 ก็พอ เพราะลองดูสิ ถ้านับเอาผลงานของยอดทีมสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ที่พกผลงานชนะ 13 เสมอ 1 จาก 14 นัด นั่นหมายความว่า หากเตะครบ 28 นัด พวกเขาจะชนะ 26 เสมอ 2 นัด แน่นอนว่ามันคงบ้าแน่ๆ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็คงใกล้เคียงเลยทีเดียว เพราะอย่าลืมว่าพวกเขาเจอ 2 ทีมในระดับ (เคย) เดียวกันอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี พวกเขาเอาชนะได้ 5-0, 1-0 ตามลำดับ
และแน่นอนว่าด้วยฟอร์มแบบนี้บอกตามตรงไม่มงอะไรทั้งนั้นว่า มีโอกาสสูงทีเดียวที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาเชยชมให้สมฤทัยในบั้นปลายของซีซั่นนี้ เพราะพวกเขายกระดับห่างจากทีมลุ้นแชมป์อื่นถึง 2-3 ชั้นเลยทีเดียว ซึ่งก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่าบรรดาทีมผู้ตามให้ล้มเลิกความคิดซิวแชมป์ไปซะ และทำอันดับติด 2 ใน 4 ก็พอ!!!