หน้าแรกแกลเลอรี่

เริ่มต้นยุคใหม่

มะระหวาน

3 พ.ย. 2566 04:35 น.

ไม่มีพลิกโผสำหรับ ลิโอเนล เมสซี กองหน้ากัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาของอินเตอร์ ไมอามี ที่คว้ารางวัล บัลลงดอร์ 2023 ไปครอง และเป็นลูกบอลทองคำใบที่ 8 ของดาวยิงวัย 36 ปีที่ได้รับไปครอง

ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะมองว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ สมควรได้มากกว่าหลังจากยิงประตูกระจุยถึง 52 ประตูจาก 53 นัดที่ลงสนาม แถมยังพา “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้นสังกัดคว้าทริปเปิลแชมป์ (พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก) มาครองอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม เมสซี สามารถพา “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา บ้านเกิดถลุงแชมป์โลกมาครองเป็นสมัยที่ 2 แถมตัวเองยังได้ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย ส่วนในระดับสโมสรก็ยังพาอดีตต้นสังกัดอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าแชมป์ลีกมาครอง

จากผลงานโดยรวมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรจึงไม่น่าแปลกใจที่ “เมสซี” จะได้รางวัลนี้ไปครองอีกสมัย

หากย้อนกลับไป 15 ปีที่ผ่านมาการแย่งชิงตำแหน่งแข้งเบอร์ 1 ของโลกนั้นมีอยู่เพียงแค่ 2 คน นั่นก็คือ เมสซี กับคริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสเท่านั้น

เรียกได้ว่าทั้งสองคนฟาดฟันกัน (ด้วยผลงาน) แบบมันหยดเพราะต่างฝ่ายต่างพาทีมกวาดแชมป์ได้มากมายแถมยังยิงประตูกันถล่มทลาย จนทำให้ทั้ง 2 คนผลัดกันคว้ารางวัลบัลลงดอร์กันเป็นว่าเล่น โดยเมสซี ได้มากสุด 8 สมัย ส่วนโรนัลโด ได้ไป 5 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้งที่ไม่ใช่ทั้งคู่ก็คือ ลูกา โมดริช (ปี 2019) และคาริม เบนเซมา (ปี 2022) เท่านั้น

แต่มาถึงตอนนี้ทั้งคู่อายุก็มากขึ้นเรื่อยๆ โรนัลโด ตอนนี้ก็ 39 ปี ส่วนเมสซี ก็ 36 ขวบไปแล้ว ยุคสมัยของทั้งคู่ก็กำลังจะเปลี่ยนไป เรียกได้ว่าการคว้ารางวัลของอดีตกองหน้าบาร์เซโลนาครั้งนี้เหมือนเป็นการจบยุคสมัยของ “เมสซี-โรนัลโด” ลงอย่างเป็นทางการ

ซึ่งเมื่อคลื่นลูกเก่าเริ่มโรยราลงตอนนี้ก็เป็นคิวของคลื่นลูกใหม่กันบ้างแล้ว หลังจากนี้ไปก็จะเป็นยุคของเออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงจอมถล่มประตู กับคิเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสของปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยมี จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางดาวรุ่งพุ่งแรงทีมชาติอังกฤษของเรอัล มาดริด เป็นตัวสอดแทรก

ฮาแลนด์ ลงเล่นให้กับแมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว 15 นัด รวมทุกรายการกดไปแล้ว 13 ตุง ขณะที่ เอ็มบัปเป แม้ว่าช่วงแรกๆจะมีปัญหากับต้นสังกัดอย่างเปแอสเช แต่ไม่ใช่ปัญหาตอนนี้ลงเล่น 12 นัดยิงไป 12 ประตูแล้ว ส่วนเบลลิงแฮมตอนนี้ยิงให้ เรอัล มาดริด ไปแล้ว 12 ประตูจาก 12 นัด

บอกได้เลยว่า “บัลลงดอร์ 2024” ในปีหน้านั้นคงไม่หลุดรอดมือของ 3 คนนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูเกณฑ์การตัดสินของ “บัลลงดอร์” ที่ปรับเปลี่ยนใหม่จากของเดิมที่ดูผลงานทั้งปี (ม.ค.-ธ.ค.) เปลี่ยนมาดูผลงานตามฤดูกาลเริ่มต้นสิงหาคมถึงกรกฎาคมอีกปีแทน

เมื่อดูตามหลักเกณฑ์นี้จะเป็นฮาแลนด์ที่ลุ้นเหนื่อยหน่อยเพราะกลางปีหน้ามี “ยูโร 2024” เป็นไอเท็มลับที่จะเพิ่มโอกาสที่จะคว้ารางวัล “บัลลงดอร์” ไปครอง ตอนนี้ทีมชาตินอร์เวย์

มีโอกาสสูงที่ไม่ได้ไปเล่นรอบสุดท้ายทำให้ดาวยิงวัย 23 ปีจะเสียเปรียบเล็กน้อย

ขณะที่ทีมชาติฝรั่งเศสของ เอ็มบัปเป และ ทีมชาติอังกฤษของจู๊ดได้ผ่านเข้าไปดวลเกือกที่เยอรมนีเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถ้าหากชาติบ้านเกิดของทั้งคู่คว้าแชมป์ไปครองก็จะทำให้เพิ่มโอกาสที่จะคว้าบัลลงดอร์ไปครอง

แต่หากทั้ง “ตราไก่” และ “สิงโต” ไปไม่ถึงดวงดาวก็ทำให้ต้องมาวัดผลงานในระดับสโมสรกันอย่างเดียว ซึ่งดูแล้วว่าฮาแลนด์มีโอกาสสูงมากกว่าทั้งจู๊ดและเอ็มบัปเป

เชื่อว่ารางวัล “บัลลงดอร์ 2024” จะน่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน เพราะรางวัลดังกล่าวนี้

จะเป็นการบ่งบอกว่ายุคสมัยใหม่ในวงการลูกหนังได้เดินทางมาถึงแล้ว.

มะระหวาน

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่