หน้าแรกแกลเลอรี่

ถึงฎีกา ลิเวอร์พูล ดวลจุดโทษดับ เชลซี 6-5 ผงาดแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 8

ไทยรัฐออนไลน์

15 พ.ค. 2565 01:38 น.

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ดวลจุดโทษเอาชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไป 6-5 หลังเสมอใน 120 นาที แบบสุดมัน คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองเป็นสมัยที่ 8

การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2021-22 นัดชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 14 พ.ค. 65 ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ดวลเดือดกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี 

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 5 ลิเวอร์พูล ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โหม่งข้ามคานออกไป

ถัดมา 3 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลทะลุขึ้นมาให้ หลุยส์ ดิอาซ ควบไปซัดในเขตโทษ แต่ เอดูอาร์ด เมนดี ใช้ขาเซฟไว้ได้อย่างสุดยอด ก่อนที่กองหลังเชลซีจะสกัดออกมาเข้าทาง นาบี เกอิตา ปรี่ มาซัดด้วยขวา บอลพุ่งหลุดเสาสองไป

จากนั้น นาทีที่ 23 เชลซี เกือบได้เฮ เมสัน เมาท์ ผ่านบอลให้ คริสเตียน พูลิซิช ยิงด้วยขวา บอลหลุดเสาสองหวุดหวิด

นาทีที่ 28 เชลซี มาอีกแล้ว มาร์กอส อลอนโซ ได้ซัดเน้นๆ แต่ อลิสสัน เบคเกอร์ ยังปิดมุมเซฟไว้ได้ 

นาทีที่ 33 ลิเวอร์พูล ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง ดิโอโก โชตา ลงมาแทน

นาทีที่ 45 ลิเวอร์พูล เกือบได้ เมื่อ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลให้ ดิโอโก โชตา โฉบมายิงด้วยขวา บอลข้ามคาน

จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ยังเสมอ เชลซี อยู่ 0-0 

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 46 เชลซีได้ลุ้นก่อนเลย มาร์กอส อลอนโซ ซัดด้วยซ้ายในเขตโทษ บอลหลุดเสาสองไปนิดเดียว

ถัดมานาทีเดียว คริสเตียน พูลิซิช ของเชลซี ได้ยิงในเขตโทษ ก็ยังติดเซฟของ อลิสสัน เบคเกอร์

นาทีที่ 48 เชลซี ได้ฟรีคิกข้างเขตโทษฝั่งขวา และเป็น มาร์กอส อลอนโซ ตัดสินใจยิงทันที ร้อนถึง อลิสสัน เบคเกอร์ ปัดไปชนคาน

นาทีที่ 51 โอกาสของลิเวอร์พูล เมื่อ หลุยส์ ดิอาซ ซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ บอลถากเสาออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 64 นาบี เกอิตา ของลิเวอร์พูล ตะบันด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ แต่ไม่ผ่าน เอดูอาร์ด เมนดี

นาทีที่ 67 เชลซี เกือบขึ้นนำ จากจังหวะที่จ่ายบอลย้อนมาให้ คริสเตียน พูลิซิช ซัดด้วยขวา บอลหลุดเสาไปไม่ถึงคืบ

นาทีที่ 74 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวคนที่สอง ส่ง เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาแทน นาบี เกอิตา

นาทีที่ 83 ลิเวอร์พูล น่าขึ้นนำสุดๆ เมื่อ ซาดิโอ มาเน จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ หลุยส์ ดิอาซ ซัดเน้นๆ บอลพุ่งชนเสานอกออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 84 ลิเวอร์พูล มาอีกแล้ว คราวนี้เป็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ได้ชาร์จจ่อๆ ที่เสาสองชนเสาไปอีก

นาทีที่ 85 เชลซี เปลี่ยนตัว ส่ง ฮาคิม ซิเยค ลงมาแทน โรเมลู ลูกากู

เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 90+1 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นอีกครั้ง หลุยส์ ดิอาซ พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนบรรจงปั่นด้วยขวา ข้ามคานไปนิดเดียว

จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ยังเสมอ เชลซี 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ

เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 91 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวคนที่ 3 ส่ง โจเอล มาติป ลงมาแทน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

นาทีที่ 98 ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว ส่ง โรแบร์โต เฟอร์มิโน ลงมาแทน หลุยส์ ดิอาซ

นาทีที่ 106 เชลซี เปลี่ยนตัว ส่ง เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา กับ รูเบน ลอฟตัส ชีค ลงมาแทน เทรฟโวห์ ชาโลบาห์ และ คริสเตียน พูลิซิช

นาทีที่ 11 ลิเวอร์พูล ส่ง คอสตาส ซิมิคาส ลงมาแทน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

นาทีที่ 120 เชลซี เปลี่ยนตัว ส่ง รอสส์ บาร์คลีย์ ลงมาแทน รูเบน ลอฟตัส ชีค ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วโชว์ฟอร์มไม่ออก

ทั้งสองทีมแทบจะไม่มีโอกาสทำประตูกันเลยในช่วงต่อเวลาพิเศษ ครบ 120 นาที ยังเสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินหาแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น ลิเวอร์พูล ยิงแม่นกว่า เอาชนะไป 6-5 คว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 8 และถือเป็นแชมป์ที่ 2 ของพวกเขาในปีนี้ต่อจาก คาราบาว คัพ

เชลซี

มาร์กอส อลอนโซ ยิงเข้า

เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา ยิงไม่เข้า

รีซ เจมส์ ยิงเข้า

รอสส์ บาร์คลีย์ ยิงเข้า

จอร์จินโญ ยิงเข้า

ฮาคิม ซิเยค ยิงเข้า

เมสัน เมาท์ ยิงไม่เข้า

ลิเวอร์พูล

เจมส์ มิลเนอร์ ยิงเข้า

ติอาโก อัลคันทารา ยิงเข้า

โรแบร์โต เฟอร์มิโน ยิงเข้า

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยิงเข้า

ซาดิโอ มาเน ยิงไม่เข้า

ดิโอโก โชตา ยิงเข้า

คอสตาส ซิมิคาส ยิงเข้า

รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม

เชลซี : เอดูอาร์ด เมนดี (GK), เทรฟโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก ซิลวา, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, รีซ เจมส์, มาเตโอ โควาซิช, จอร์จินโญ, มาร์กอส อลอนโซ, เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช, โรเมลู ลูกากู

ลิเวอร์พูล : อลิสสัน เบคเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, นาบี เกอิตา, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก อัลคันทารา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, หลุยส์ ดิอาซ