ไทยรัฐออนไลน์
ใครว่าทีมแชมป์ไม่มีปัญหา? กุนซือลิเวอร์พูล เผย 1 สิ่งที่ต้องรับมือกับการลุ้นอีก 3 ถ้วยในฤดูกาลนี้ หลังได้แชมป์ลีกคัพ
วันที่ 1 มี.ค. 65 ควันหลงฟุตบอลคาราบาว คัพ (ลีกคัพ) รอบชิงชนะเลิศ ซึ่ง ลิเวอร์พูล เสมอกับ เชลซี ทีมร่วมศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 0-0 ในเกมที่บีบหัวใจตลอด 120 นาที ก่อนดวลจุดโทษตัดสินกันอย่างดุเดือดถึงฝั่งละ 11 คน และเป็น "หงส์แดง" ที่ยิงแม่นกว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" ชนะไป 11-10 คว้าแชมป์สมัยที่ 9 เป็นสถิติสูงสุดเพียงทีมเดียว มากกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 สมัย
ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ยังมีลุ้นแชมป์อีก 3 รายการ โดยในพรีเมียร์ลีก รั้งอันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ 6 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วนยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ก็บุกไปชนะ อินเตอร์ มิลาน 2-0 ในรอบ 16 ทีม นัดแรก กุมความได้เปรียบและมีโอกาสสูงที่จะเข้ารอบ 8 ทีม ขณะที่เอฟเอ คัพ รอบ 5 ก็จะได้เล่นในบ้านเจอกับ นอริช ซิตี้ ทีมอันดับสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ในวันพุธที่ 2 มีนาคมนี้ 03.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลยอมรับว่า เขาต้องเตรียมรับมือกับปัญหาเรื่องการจัดตัวผู้เล่นลงสนามโดยเฉพาะในแดนหน้า หลังจากคว้าตัว หลุยส์ ดิอาซ ปีกทีมชาติโคลอมเบียเข้ามาเพิ่ม ทำให้ตอนนี้มีแนวรุกถึง 7 คน ซึ่งรวมถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, ดิโอโก โชตา, โรแบร์โต เฟอร์มิโน, ดิว็อค โอริกี และ ทาคุมิ มินามิโนะ
แม้เวลานี้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน จะยังเจ็บอยู่ แต่ ลิเวอร์พูล ก็มี ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่สามารถขยับไปเล่นเป็นตัวรุกริมเส้นได้ รวมถึง เคด กอร์ดอน ดาวรุ่งวัย 17 ปีที่รอโอกาสสอดแทรกขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ด้วย จึงเป็นเรื่องยากที่จะให้โอกาสทุกคนได้ลงสนามกันอย่างทั่วถึง และอาจมีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจก็เป็นได้
คลอปป์ ตอบคำถามถึงเรื่องนี้ว่า "ผมไม่คิดว่ามันเป็นไปได้และผมก็ไม่คิดว่าจะทำได้ เราต้องชนะทุกนัด และเมื่อคุณอยู่ในวงการฟุตบอล คุณต้องเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อยอมรับการตัดสินใจของผู้จัดการทีม ไม่ได้หมายความว่าผมจะบังคับให้พวกเขาพอใจ แต่พวกเขาต้องยอมรับมันให้ได้"
"ผมจะไม่พยายามทำให้พวกเขามีความสุข ใช่ ผมอยากให้พวกเขาทั้งหมดมีความสุข แต่ผมก็อยากให้พวกเขาโกรธเช่นกันเมื่อเราต้องลงเล่นกับคู่ต่อสู้ที่ต้องการคะแนนจากเรา"