ไทยรัฐออนไลน์
กว่าจะมีวันนี้ที่ได้ชูถ้วยแชมป์โคปา อเมริกา 2021 ลิโอเนล เมสซี ต้องลิ้มรสชาติของการเป็น "พระรอง" ถึง 4 ครั้ง และเกือบอำลาทีมชาติอาร์เจนตินา
หากพูดถึงชื่อ "ลิโอเนล เมสซี" นี่คือสุดยอดนักเตะพรสวรรค์แห่งโลกลูกหนังยุคปัจจุบันที่ว่ากันว่า "100 ปีจะมีสัก 1 คน" ก็คงไม่ผิดนัก การันตีด้วยเกียรติยศมากมายในระดับสโมสร บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่แห่ง ลา ลีกา สเปน ที่เขาเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพนับตั้งแต่ปี 2000 ที่ก้าวเข้าสู่ "ลา มาเซีย" อะคาเดมีชื่อดังระดับโลกของ "เจ้าบุญทุ่ม" ที่ปั้นดินให้เป็นดาวขึ้นมาประดับวงการหลายต่อหลายคน
ตลอด 17 ปีในฐานะนักฟุตบอลอาชีพกับ บาร์ซา นับตั้งแต่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2004 "เลโอ" ได้ชูถ้วยแชมป์มากมายจนกลายเป็นเรื่องปกติ รวมแล้วทั้งสิ้นถึง 34 ใบ ดังต่อไปนี้
ลา ลีกา - 10 สมัย
โกปา เดล เรย์ - 7 สมัย
สแปนิช ซูเปอร์คัพ - 7 สมัย
ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก - 4 สมัย
ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ - 3 สมัย
แชมป์สโมสรโลก - 3 สมัย
แต่กับทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว คำว่า "ความสำเร็จ" ดูเหมือนจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีทางบรรจบกันสำหรับ เมสซี มาโดยตลอด หากไม่นับเกียรติยศในระดับเยาวชนจากการได้แชมป์ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี 2005 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ปี 2008 ที่นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน กับทีมชุดยู-23 เขาก็ไม่เคยไปถึงดวงดาวเลยแม้แต่ครั้งเดียวกับทีมชาติชุดใหญ่
ครั้งแรกที่ยอดดาวเตะซ้ายฟ้าสั่งได้สัมผัสกับความผิดหวังเกิดขึ้นในศึกโคปา อเมริกา 2007 ที่เวเนซุเอลา หนนั้น เมสซี ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง และพลพรรค "ฟ้าขาว" ซึ่งนำโดยแนวรุกตัวฉกาจอย่าง คาร์ลอส เตเวซ, เอร์นาน เครสโป, ฮวน โรมัน ริเกลเม ต้องพ่ายแพ้ให้กับ บราซิล ที่มี โรบินโญ, ดานี อัลเวส, จิลแบร์โต ซิลวา ไปแบบขาดลอย 0-3 ในรอบชิงชนะเลิศ
ผ่านมา 7 ปี เมสซี ในวัย 27 ที่กำลังเข้าสู่ช่วงพีคในชีวิตค้าแข้ง โชว์ฟอร์มร้อนแรงระดับ "เดอะ แบก" พา อาร์เจนตินา ฝ่าด่านคู่แข่งรอบแล้วรอบเล่า จนทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้อกหักซ้ำสอง เมื่อเจอทีเด็ดของ มาริโอ เกิตเซ พังประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษให้ เยอรมนี เฉือนชนะ 1-0 ปาดหน้าคว้าแชมป์โลกไปครอง ปล่อยให้เขาได้แต่มองตาละห้อยระหว่างรับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ ในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ซึ่งเป็นแค่รางวัลปลอบใจ
แม้จะมีสำนวนฝรั่งที่หลายคนคุ้นหูว่า "Third Time Lucky" สำหรับใช้อธิบายถึงการผิดหวัง, ผิดพลาด และล้มเหลว กับเรื่องเดิมซ้ำๆ หากเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 จากเรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องดี แต่สำนวนนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้นกับสุดยอดนักเตะของโลกอย่าง เมสซี อยู่ดี
แม้ในศึกโคปา อเมริกา 2015 ที่ชิลี "ฟ้าขาว" จะอุดมไปด้วยสุดยอดตัวรุก ทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร, กอนซาโล อิกวาอิน, อังเคล ดิ มาเรีย, คาร์ลอส เตเวซ รวมถึงผู้เล่นเกมรับชั้นดีอย่าง ฮาเวียร์ มาสเคราโน, ปาโบล ซาบาเลตา, นิโคลัส โอตาเมนดี แต่แล้วหนังม้วนเดิมก็ถูกฉายซ้ำสำหรับ เมสซี เมื่อต้องแพ้ ชิลี เจ้าภาพในการดวลจุดโทษตัดสิน ก่อนขึ้นแท่นเพื่อไปรับเหรียญเงินแล้วเดินผ่านหน้าถ้วยแชมป์อีกครั้ง
ถัดมาเพียง 1 ปี โอกาสที่ "เลโอ" จะหลุดพ้นคำสาปก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการจัดทัวร์นาเมนต์ "โคปา อเมริกา เซนเตนาริโอ" ในปี 2016 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของ สหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ และศึกโคปา อเมริกา ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนแรกที่มีการจัดศึกฟุตบอลชิงแชมป์อเมริกาใต้นอกทวีป
หนนี้น่าจะเรียกได้ว่า อาร์เจนตินา ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นแกนหลักจากชุดรองแชมป์ครั้งก่อน เจอทางสะดวกที่สุด เมื่อสามารถเก็บ 9 แต้มเต็มในรอบแบ่งกลุ่ม คว้าแชมป์กลุ่มดี อย่างไม่ยากเย็น หนำซ้ำ บราซิล ก็ชิงตกรอบไปก่อนจากการจบอันดับ 3 ในกลุ่มบี จากนั้นรอบ 8 ทีม และรอบรองชนะเลิศ "ฟ้าขาว" ก็เล่นด้วยความมั่นใจ ไล่ทะลวง เวเนซุเอลา 4-1 และสอนเชิง สหรัฐอเมริกา 4-0 ตามลำดับ
ผลงานแบบนี้ ใครๆ ก็เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ เมสซี จะได้ชูถ้วยแชมป์เสียที แต่แล้วสวรรค์กลับกลั่นแกล้งให้เขาเป็นเพียงแค่ "พระรองตลอดกาล" ต่อไป เมื่อต้องพ่ายแพ้ ชิลี คู่แข่งที่เคยชนะมา 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม ในการดวลจุดโทษตัดสินของรอบชิงชนะเลิศ และตัวเขาเองก็เป็น 1 ใน 2 คนของ อาร์เจนตินา ที่สังหารพลาดด้วย ก่อนจบลงด้วยการปราชัย 2-4 หลังเสมอ 0-0 ในเวลา 120 นาที
หลังจบรายการนี้ เมสซี ในวัย 29 ปี ถึงกับออกอาการท้อแท้แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมประกาศช็อกวงการลูกหนังโลกว่าเขาขออำลาทีมชาติอาร์เจนตินาแต่เพียงเท่านี้ ด้วยอารมณ์ที่กำลังน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาจากการคว้ารองแชมป์ 3 รายการใหญ่ถึง 3 ปีซ้อน จนตัวเขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสคว้าแชมป์ในฐานะขุนพล "ฟ้าขาว" อีกแล้ว
การหันหลังให้ทีมชาติของ เมสซี กลายเป็นวาระแห่งชาติทันที เมื่อ เมาริซิโอ มาครี ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาในเวลานั้นถึงกับเอ่ยปากขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจว่า "เราโชคดีที่พระเจ้ามอบของขวัญให้ประเทศของเราด้วยการส่งเขาลงมาเกิดจนกลายเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก ลิโอเนล เมสซี คือหนึ่งในบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ อาร์เจนตินา เคยมี เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด"
ต่อมา โฮราซิโอ โรดริเกซ ลาร์เรตา นายกเทศมนตรีกรุงบัวโนสไอเรส ได้สั่งการให้เปิดตัวรูปปั้นของดาวเตะมหัศจรรย์รายนี้ในใจกลางเมืองหลวงของ อาร์เจนตินา เพื่อกระตุ้นให้กลับมารับใช้ทีมชาติอีกครั้ง ส่วนในโลกโซเชียล คำว่า "NoTeVayasLeo" หรือ "อย่าไปเลยนะ เลโอ" ก็กลายเป็นหัวข้อที่ติดเทรนด์ไปทั่วโลก ณ เวลานั้น ขณะที่แฟนบอลอาร์เจนตินาก็มีการรวมตัวกันกว่า 50,000 คนในวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2016 เพื่อเดินขบวนไปยัง Obelisco de Buenos Aires อนุสรณ์สถานสำคัญภายใต้แคมเปญเรียกร้องให้ เมสซี อย่าเพิ่งด่วนเลิกเล่นทีมชาติ
เมื่อคนทั้งประเทศแสดงพลังถึงความรักและความเชื่อมั่นในตัวเขาขนาดนี้ เพียงแค่สัปดาห์ต่อมา ลา นาซิออง หนังสือพิมพ์ของอาร์เจนตินาก็รายงานข่าวดีที่ทุกคนรอคอยว่าเขากำลังพิจารณาเรื่องการกลับมารับใช้ทีมชาติอีกครั้งในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ในเดือนกันยายน ก่อนที่ เมสซี จะออกมายืนยันอย่างเป็นทางในวันที่ 12 สิงหาคม หรือเพียงไม่ถึง 2 เดือนหลังการประกาศด้วยอารมณ์ชั่ววูบว่า เขาจะกลับมาสวมเสื้อ "ฟ้าขาว" อีกครั้ง
เพียงแค่เกมแรกที่กลับมาติดธง "เลโอ" ก็แผลงฤทธิ์ทำประตูชัยให้ อาร์เจนตินา เฉือนชนะ อุรุกวัย 1-0 เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปี 2016 ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พร้อมจุดประกายให้ยอดแข้งจาก บาร์เซโลนา มีกำลังใจรับใช้ทีมชาติต่อไปในระยะยาว ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าจะบอกลาทัพ "ฟ้าขาว" อีกเลย และในที่สุดหลังจากเวลาล่วงเลยมาเกือบ 5 ปี วันที่ทุกคนรวมทั้งเจ้าตัวรอคอยก็มาถึง...
10 กรกฎาคม ปี 2021 จะเป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของ เมสซี และชาวอาร์เจนตินาไปตลอดกาล เมื่อตัวเขาและพลพรรค "ฟ้าขาว" คว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2021 ได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ บราซิล คู่ปรับตลอดกาลภายใต้การนำทัพของ เนย์มาร์ ศูนย์หน้าตัวอันตรายไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ โดยที่ เมสซี เกือบทำประตูปิดเกมได้ด้วย แต่ลูกยิงเหนือชั้นจาก อังเคล ดิ มาเรีย ในช่วงครึ่งแรก นาทีที่ 22 แค่ลูกเดียวก็เพียงพอที่จะเติมเต็มให้กับนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดแห่งยุคแล้ว
เมสซี ในฐานะกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา จบรายการด้วยตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด 4 ประตู ร่วมกับ หลุยส์ ดิอาซ ดาวยิงโคลอมเบีย และรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมร่วมกับ เนย์มาร์ ก่อนขึ้นโพเดียมชูถ้วยแชมป์เหนือศีรษะในฐานะแชมป์ทวีปอเมริกาใต้มากที่สุด 15 สมัยเทียบเท่า อุรุกวัย
จากวันแรกที่ติดทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดใหญ่ แล้วต้องเจอกับฝันร้ายทันทีจากการโดนใบแดงไล่ออกทั้งที่เพิ่งลงเป็นตัวสำรองได้ไม่ถึง 2 นาทีในเกมอุ่นเครื่องกับ ฮังการี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปี 2005 ก่อนถูกคำสาป "พระรองตลอดกาล" ตามหลอกหลอนในรอบชิงชนะเลิศถึง 4 ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ที่สุดแล้ว เมสซี ก็ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์สมฐานะสุดยอดนักเตะแห่งวงการลูกหนังเสียที
แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว ลึกๆ ในใจก็คงไม่อยากให้ โคปา อเมริกา 2021 เป็นถ้วยแชมป์เพียงใบเดียวในชีวิตการรับใช้ทีมชาติอาร์เจนตินา และน่าจะแอบหวังว่า ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ในช่วงปลายปีหน้า จะเป็นโทรฟี่ใหญ่อีก 1 ใบที่เขาได้สัมผัสอีกครั้ง เพื่อหลุดพ้นจากร่มเงาของ ดีเอโก มาราโดนา ตำนานชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 ที่เขาโดนเปรียบเทียบมาตลอดได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียที