กัปตันทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ผู้อยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าที่สุด-สุขที่สุดของสโมสร

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ แคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูกัปตันทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กลายเป็นนักเตะที่อยู่ในช่วงเวลาที่สโมสรมีความสุขที่สุดและเศร้าที่สุด ไม่แปลกใจที่แฟนบอลจิ้งจอกสยามจะรักเขามาก

***อยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด***

-แคสเปอร์ ชไมเคิล มีส่วนสำคัญในการพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อฤดูกาล 2015-16 โดยในปีนั้น เลสเตอร์ เสียไปเพียง 36 ประตู จาก 38 นัด น้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ อาร์เซนอล ส่วนทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในซีซั่นดังกล่าวคือ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ "ไก่เดือยทอง" ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ที่เสียไป 35 ประตู

-สดๆ ร้อนๆ กับการลงสนามเฝ้าเสาเป็นตัวจริงในศึกเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ใครๆ ก็ต่างพูดถึงประตูชัยจากลูกยิงของ ยูริ ติเลอมองส์ ในนาทีที่ 64 ที่ทำให้ จิ้งจอกสยาม เอาชนะ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไป 1-0 ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้มาครองเป็นสมัยแรกหลังจากรอคอยมายาวนานถึง 137 ปี แต่จำได้หรือไม่ว่าในช่วงที่ เลสเตอร์ นำ อยู่ 1-0 มีจังหวะที่ที่เชลซี เกือบได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 87 เมื่อ เมสัน เมาท์ ตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิล ก็พุ่งปัดออกไปได้ อย่างสุดยอด และเป็นอีกหนึ่งชอตสำคัญในเกมนี้

-นอกจากนี้ หลังจบเกม เรายังได้เห็นภาพ ชไมเคิล เดินไปเรียก อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อให้มาชูถ้วยฉลองแชมป์ร่วมกับนักเตะและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของสโมสร ซึ่ง "คุณต๊อบ" ก็เดินลงมาพร้อมกับเข้าไปสวมกอดแสดงความยินดีกับนักเตะและผู้จัดการทีมอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จากนั้น ชไมเคิล ก็ได้ยื่นถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ให้ คุณอัยยวัฒน์ได้ชู ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

**อยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าที่สุด***

ย้อนกลับไปเมื่อวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2561 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ในเวลานั้น เกิดอุบัติเหตุตกลงตรงบริเวณที่จอดรถข้างสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม หลังจบเกมลีกนัดที่ทีมเปิดบ้านเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 และมีการระเบิดจนไฟลุกท่วม ซึ่งรายงานข่าวจาก เดอะ มิร์เรอร์ สื่อดังของอังกฤษ รายงานว่า ชไมเคิล ก็เป็นหนึ่งในผู้เห็น ฮ.ตกครั้งนี้ หลังรีบเข้าไปในที่เกิดเหตุทันทีเมื่อได้ยินเสียงไซเรนจากรถฉุกเฉิน และถึงขั้นหลั่งน้ำตากับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า

และจากนั้นสื่อเจ้าเดิมยังรายงานด้วยว่า ชไมเคิล  ไม่เพียงแต่จะวิ่งไปดูที่เกิดเหตุซึ่งเฮลิคอปเตอร์กำลังไฟลุกไหม้เท่านั้น แตจอมหนึบทีมชาติเดนมาร์กก็พยายามจะวิ่งฝ่าตำรวจเข้าไปเพื่อหวังจะฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วย เจ้าสัววิชัย และผู้ประสบเหตุคนอื่นๆในเฮลิคอปเตอร์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องห้ามเอาไว้และดึงตัวออกมา เพราะไฟมันลุกโชนจนเกินกว่าที่จะปล่อยให้ ชไมเคิล เข้าไปและอาจเกิดอันตรายได้ สุดท้าย ชไมเคิล จึงทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ กับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างสุดเศร้า