ไทยรัฐออนไลน์
กุนซืออาร์เซนอล เชื่อ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง ยังมีทีเด็ดที่จะช่วยพลิกสถานการณ์แซง บียาร์เรอัล เข้าชิง ยูโรปาลีก แม้เพิ่งหายไข้มาลาเรีย
วันที่ 6 พ.ค. 64 ความเคลื่อนไหวก่อนเกมยูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ซึ่ง อาร์เซนอล อันดับ 9 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเปิดบ้านต้อนรับ บียาร์เรอัล อันดับ 6 ลา ลีกา สเปน โดยนัดแรกเป็นทีมเยือนที่ชนะมาก่อน 2-1
เกมนี้คาดว่า "ปืนใหญ่" น่าจะได้ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ กองหน้าตัวเก่ง (กล้ามเนื้อแฮมสตริง) และ คีแรน เทียร์นีย์ แบ็กซ้ายจอมบุก (เข่า) หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา มีเพียง ดาวิด ลุยซ์ กองหลังจอมเก๋าที่น่าจะเรียกความฟิตกลับมาไม่ทันช่วยทีม
ส่วน ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง ดาวยิงกัปตันทีมเพิ่งหายป่วยจากการเป็นไข้มาลาเรียระหว่างรับใช้ทีมชาติกาบองเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยกลับมาช่วยทีมได้เพียง 2 นัดในยูโรปาลีก รอบตัดเชือก เลกแรก ที่บุกไปแพ้ บียาร์เรอัล ซึ่งลงเป็นตัวสำรอง 5 นาทีสุดท้าย และล่าสุดได้เป็น 11 คนแรกก่อนทำ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ในเกมพรีเมียร์ลีกที่บุกไปชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 ก่อนถูกเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 78
อย่างไรก็ตาม มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลยังมั่นใจในศักยภาพของ โอบาเมยอง ว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกเกมกลับมาเข้ารอบชิงชนะเลิศ แม้เจ้าตัวจะเผยว่าไข้มาลาเรียจะทำให้เขารู้สึกเหนื่อยง่ายจนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 3 วัน และน้ำหนักลดไปถึง 4 กิโลกรัม
อาร์เตตา ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า "โอบาเมยอง คือเพชฌฆาตเหมือนที่เคยเป็นมาและจะยังเป็นตลอดไป เขาพร้อมที่จะทำงานเพื่อทีม ช่วยทีมเล่นเกมรับ และทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทีม หวังว่าเขาจะสามารถทำผลงานได้ในระดับสูงสุด และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าใครก็ยากที่จะหยุดเขาได้"
ทั้งนี้ โอบาเมยอง เคยทำแฮตทริกเหมาคนเดียว 3 ประตูให้ อาร์เซนอล ในยุคที่ อูไน เอเมรี กุนซือบียาร์เรอัล ยังคุมทีมอยู่ บุกไปชนะ บาเลนเซีย 4-2 ในยูโรปาลีก ฤดูกาล 2018-2019 รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวมมหโหฬาร 7-3 ก่อนไปแพ้ เชลซี 1-4 ได้เพียงรองแชมป์