iPoppz_5
ส่อง 3 เหตุผลหลักๆ ที่ทาง "ธีรศิลป์ แดงดา" กองหน้าเบอร์หนึ่ง "ทีมชาติไทย" ควรย้ายจาก "ชิมิสุ เอส-พัลล์" ทีมดังในศึกเจลีก กลับมาค้าแข้งในศึก "ไทยลีก" อีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวของ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าอันดับหนึ่ง "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ของทาง ชิมิสุ เอส-พัลล์ ทีมดังในศึกเจลีก ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ที่มีกระแสข่าวลือว่าจะโยกกลับมาค้าแข้งในศึก โตโยต้า ไทยลีก ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้าโดยที่ไม่ใช่สโมสรต้นสังกัดเดิมอย่าง "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งมีชื่อของ "เดอะ แรบบิท" บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี และ "แข้งเทพ" ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถูกหยิบมาเชื่อมโยง และนี่คือ 3 เหตุผลหลักๆ ที่จะบอกว่าทำไม ดาวยิงพ่อลูกสองวัย 32 ปีรายนี้ควรกลับมาค้าแข้งในไทยลีกอีกครั้ง
1.) ไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควร
นี่คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับ "มุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติไทย กับการค้าแข้งกับ ชิมิสุ เอส-พัลส์ เนื่องจากตัวเขาแทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลย หลายๆ นัดจะติดภาพจำกับการที่ตัวเขาถูกส่งลงสนามท้ายเกมหรือบางนัดไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปบางทีการเลือกกลับมาค้าแข้งที่ประเทศบ้านเกิดดูจะเป็นทางออกที่ดีกว่า โดยมีผลงานที่น่าประทับใจด้วยการทำประตูในนัดแรกที่แพ้ เอฟซี โตเกียว 1-3 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา
2.) ไม่ได้รับการสนับสนุนในสนามมากพอ
จากโอกาสลงสนามที่ไม่มากนักตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามันส่งผลกับการเล่นของเจ้าตัวในสนามเพราะหลายๆ ครั้งการสอดประสานงานยังไม่ลงตัวสักเท่าไร หรือบางครั้งตัวของ ธีรศิลป์ แดงดา อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการรับบอลแต่เพื่อนร่วมทีมบางคนกลับไม่จ่ายบอลให้อาจมีปัจจัยในเรื่องของความคุ้นชิน ความยังไม่มั่นใจ หรืออะไรก็ตามแต่มันสะท้อนให้เห็นว่าดาวยิงพ่อลูกสองรายนี้กำลังเจอกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
3.) ระบบการเล่นของทีม
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต่อยอดมาจากข้อก่อนๆ นั้นคือระบบการเล่นของทีม ชิมิสุ เอส-พัลส์ ที่ดูจะยังไม่ชัดเจนนัก หลายๆ ครั้งเราจะเห็นผู้เล่นบางคนเล่นฟุตบอลแบบสไตล์ฉายเดี่ยวไม่สนใจใครโดยเฉพาะผู้เล่นในเกมรุก มันส่งผลต่อทีมเวิร์กในทีมจนตอนนี้ผลงานของทีมรูดกราวลงไปอยู่รองบ๊วยหรืออันดับ 17 ของตารางแล้ว แต่ดีที่ฤดูกาลนี้ไม่มีทีมตกชั้นเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19"
Cr.Photo : @teerasil10