ไทยรัฐออนไลน์
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ดวลจุดโทษชนะ "สิงโตน้ำเงิน" เชลซี 5-4 หลังเสมอใน 120 นาที 2-2 คว้าแชมป์ยูฟ่าซุปเปอร์คัพมาครองเป็นสมัยที่ 4...
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2019 เมื่อคืนวันพุธที่ 14 ส.ค. ที่สนามโวดาโฟน อารีนา ในกรุงอิสตันบูล ประเทศตุร “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปะทะ “สิงโตน้ำเงิน” เชลซี แชมป์ยูโรปา ลีก
เกมนี้ เยอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ทำเซอร์ไพรส์ดร็อป โรแบร์โต เฟอร์มิโน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เป็นตัวสำรอง แนวรุกใช้ 3 ประสาน ซาลาห์, อ็อกซืเหลด แชมเบอร์เลน และ ซาดิโอ มาเน ขณะที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่เชลซี มี เปโดร โรดริเกซ, คริสเตียน พูลิซิช และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลงป่วนในแนวรุก
เปิดฉากครึ่งแรกมา 4 นาที ลิเวอร์พูลได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ครอสบอลจากฝั่งขวาเข้ากลาง ซาดิโอ มาเน ตีลังกายิงแฉลบออกหลังไป
จากนั้นนาทีที่ 10 เชลซีได้ลุ้นบ้าง เปโดร โรดริเกซ ปั่นด้วยซ้ายจากนอกกรอบ บอลโต้งหลุดเสาสองไปแบบได้ลุ้น ถัดมา 3 นาที โอกาสของลิเวอร์พูล เจมส์ มิลเนอร์ เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาเข้ากลาง ซาดิโอ มาเน โขกลงพื้นบอลกระดอนข้ามคาน
และในนาทีที่ 15 ลิเวอร์พูลน่าขึ้นนำสุดๆ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กระขากไปยิงด้วยซ้ายในเขตโทษ เกปา เซฟออกไปได้อย่างสุดยอด
ลิเวอร์พูลพอไม่ได้ก็เกือบโดน นาทีที่ 22 เชลซีบุกน่ากลัว เปโดร โรดริเกซ ทำชิ่งกับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ก่อนที่ เปโดร จะหลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วซัดเต็มข้อ บอลพุ่งชนคานดังสนั่น และถัดมา 7 นาที ลิเวอร์พูลได้เตะมุมฝั่งซ้าย เจมส์ มิลเนอร์ เปิดเข้ามา เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โขกข้ามคาน
ถึงนาทีที่ 36 กลายเป็นเชลซี ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิช จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กดด้วยซ้ายผ่าน อาเดรียน เข้าไปตุงตาข่าย และในนาทีที่ 40 เชลซี เกือบได้ลูกที่สอง เมื่อ คริสเตียน พูลิซิช ได้หลุดไปกดด้วยขวาตุงตาข่าย แต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน
จบครึ่งแรก เชลซี นำ ลิเวอร์พูล 1-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 48 ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 1-1 ฟาบินโญ กระดกบอลเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ที่ลงมาเป็นสำรอง จิ้มต่อไปทางขวาให้ ซาดิโอ มาเน ยิงจังหวะแรกติดแขน เกปา ก่อนจะตามาซ้ำอีกทีตุงตาข่าย
ถัดมานาทีเดียว ลิเวอร์พูลมาอีกแล้ว เฟอร์มิโน ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนจ่ายย้อนให้ ฟาบินโญ กระหน่ำด้วยขวา บอลติดไซด์หลุดกรอบไป
จากนั้นนาทีที่ 74 ลิเวอร์พูลชวดขึ้นนำเหลือเชื่อ เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาเข้าเขตโทษ บอลมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดเต็มข้อ เกปา ปัดไปเข้าทาง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ซ้ำอีกที เกปา ก็ยังปัดไปชนคานได้อีก
ถึงนาทีที่ 80 ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกระยะหวังผล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปั่นด้วยซ้าย บอลแฉลบกำแพงข้ามคานออกไป
นาทีที่ 86 โอกาสลิเวอร์พูลอีกครั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ ซาดิโอ มาเน ยิงสวนตัวผู้รักษาประตู บอลหลุดเสาไกลออกไป
จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 1-1 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
กลับมาลุยต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 95 ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน จ่ายบอลเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ โรแบร์โต เฟอร์มิโน ไปจนสุดเส้นหลังก่อนจ่ายย้อนกลับมาให้ มาเน ซัดด้วยขวาแสกหน้า เกปา เข้าไปตุงตาข่าย
จากนั้นนาทีที่ 101 เชลซีได้จุดโทษจากจังหวะที่ แทมมี อับราฮัม โดน อาเดรียน นายด่านหงส์แดง ทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น จอร์จินโญ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดพา เชลซี ตีเสมอ 2-2
นาทีที่ 104 โอกาสของเชลซี เปโดร โรดริเกซ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนจ่ายเรียดเข้ากลาง แทมมี อับราฮัม สอดมายิงหลุดเสาสองอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 113 เชลซีได้ลุ้นอีกแล้ว เมสัน เมาท์ ซัดด้วยขวาแถวกรอบเขตโทษ แต่ อาเดรียน พุ่งปัดออกไปได้ และในนาทีที่ 114 เชลซี เกือบได้อีกแล้ว เปโดร โรดริเกซ ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลโค้งหลุดเสาสองนิดเดียว
จากนั้นนาทีที่ 117 ยังเป็นโอกาสของเชลซี เปโดร โรดริเกซ จ่ายให้ เมสัน เมาท์ ยิงไกล แต่ อาเดรียน ก็ยังเซฟออกไปได้
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ครบ 120 นาที ลิเวอร์พูล เสมอ เชลซี 2-2 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่า ลิเวอร์พูล ยิงแม่นกว่า ชนะไป 5-4 คว้าแชมป์ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพมาครองเป็นสมัยที่ 4
ลิเวอร์พูล
โรแบร์โต เฟอร์มิโน เข้า
ฟาบินโญ เข้า
ดิวอค โอริกี เข้า
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เข้า
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้า
เชลซี
จอร์จินโญ เข้า
รอสส์ บาร์คลีย์ เข้า
เมสัน เมาท์ เข้า
เอเมอร์สัน พัลเมรี เข้า
แทมมี อับราฮัม ไม่เข้า
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม
ลิเวอร์พูล : อาเดรียน (GK), โจ โกเมซ, โจเอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, ฟาบินโญ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน
เชลซี : เกปา อาร์ริซาบาลากา (GK), เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, อันเดรียส คริสเตนเซน,เคิร์ต ซูมา, เอเมอร์สัน พัลเมรี, เอ็นโกโล กองเต, จอร์จินโญ, มัตเตโอ โควาซิช, เปโดร โรดริเกซ, คริสเตียน พูลิซิช, โอลิวิเยร์ ชิรูด์