มะระหวาน
ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับคู่ชิงชนะเลิศของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2024 หรือ “ยูโร 2024” เป็นการพบกันระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน เจ้าของแชมป์รายการนี้ 3 สมัย พบกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ รองแชมป์ยูโร 2020 รอบชิงจะฟาดแข้งกันในวันที่ 14 ก.ค.นี้ ใช้โอลิมปิก สเตเดียม เป็นสังเวียนตัดสิน
“กระทิงดุ” เป็นทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในยูโร 2024 ก็เพราะว่าผ่านมาแล้ว 6 นัด สเปนเก็บชัยชนะรวดได้ทั้งหมด โดยในรอบแรก 3 นัดเก็บชัยชนะและยิงได้ถึง 11 ประตูเสียลูกเดียวเท่านั้น ก่อนในรอบ 16 ทีมก็ถล่ม จอร์เจียยับเยิน 4-1 มาในรอบ 8 ทีมที่ออกแรงเยอะสุดต้องเล่นถึงในช่วงต่อเวลาพิเศษก่อนโค่น “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เจ้าภาพไป 2-1 ส่วนในรอบตัดเชือกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมากับฝรั่งเศสซึ่งก็เป็นอีกเกมหนึ่งที่ยาก
แต่ผิดคาดกลับเป็น “กระทิงวัยหนุ่ม” ที่ประสบการณ์ในระดับทัวร์นาเมนต์ที่เป็นรอง “ตราไก่” อยู่หลายช่วงตัวเป็นฝ่ายเดินเกมรุกกดดันเข้าใส่รองแชมป์โลกปี 2022 ตั้งแต่ต้นเกม โดยไม่ได้เกรงกลัวบารมีของทีมที่ผ่านเข้าชิงฟุตบอลโลกมา 2 ครั้งติดเลยแม้แต่นิดเดียว
โดยเฉพาะช่วงจังหวะที่สเปนพลาดท่าถูก ฝรั่งเศสออกนำไปก่อน 0-1 จากร็องดาล โคโล มูอานีนาทีที่ 9 แต่บรรดาแข้ง “กระทิงดุ” ไม่มีอาการตื่น ตระหนกให้เห็นแต่อย่างใด กลับเล่นได้อย่างนิ่งๆ ค่อยๆ ไล่บี้จนสามารถตีเสมอได้จากลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งที่ยิงสุดสวยนาทีที่ 21 จนอีก 4 นาทีถัดมา กระทิงดุ ก็พลิกขึ้นนำไปได้จากลูกยิงของดานี โอลโม ที่ซัดเต็มแรง ก่อนไปโดนขาของฌูลส์ กุนเด เข้าประตูตัวเองไป (แต่ยูฟ่าให้เป็นประตูของโอลโม)
ซึ่งการโค่นฝรั่งเศสได้ของสเปนนั้นถ้าจะมองว่าชนะตามฟอร์มการเล่นก็ได้ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าแข้ง “กระทิงดุ” คือทีมที่เล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ คู่ควรต่อการเข้าไปชิงแชมป์ยูโร 2024 อย่างที่สุดแล้วกับสิ่งที่พวกเขาทำมาในรอบที่ผ่านมา
ส่วนอังกฤษ แม้ว่าฟอร์มในรอบที่ผ่านๆมา เรียกได้ว่าแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมาได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศแบบนี้ “สิงโตคำราม” ผ่านรอบแรกมามี 5 คะแนนจากการชนะ 1 นัด เสมอ 2 นัด แต่ก็ยังผ่านเข้ารอบมาเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มซี เข้ารอบ 16 ทีมมาเจอกับสโลวะเกีย ก่อน “ทรี ไลออนส์” จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1
จากนั้นในรอบ 8 ทีม อังกฤษมาเจอกับสวิต เซอร์แลนด์ ที่ฟอร์มกำลังฮอตสุดๆ แต่ “สิงโตคำราม” ก็ยังโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเท่าไรต้องไล่ตามตีเสมอ ก่อนจะดวลจุดโทษเอาชนะแข้ง “นาฬิกา” ไปได้ 5-3 หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกมาเจอกับ “กังหันลมสีส้ม” เนเธอร์แลนด์
โดยในรอบตัดเชือกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อังกฤษ โดนขึ้นนำไปก่อนอีกครั้ง เมื่อชาบี ซิมอนส์ ยิงสุดสวยให้ “กังหันลม” ขึ้นนำไปก่อน จากนั้น “สิงโต” ก็มาได้จุดโทษและเป็นแฮร์รี เคน กัปตันทีมก็ซัดเข้าไปตุงตาข่าย ทำให้กองหน้าบาเยิร์น มิวนิก ยิงไป 3 ประตูนำดาวซัลโวร่วมของทัวร์นาเมนต์อยู่ในตอนนี้
หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เปิดเกมแลกกันเพื่อหวังจะยิงประตูขึ้นนำให้ได้ จนเข็มนาฬิกาเดินทางมาครบ 90 นาทีก็ยังเสมอกันอยู่ทำท่าจะต้องดวลกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ก็เป็นโอลลี วัตกินส์ กองหน้าตัวสำรองที่พลิกตัวยิงในกรอบเขตโทษซัดเสียบเสาไกลเข้าไปให้อังกฤษเอาชนะเนเธอร์แลนด์ 2-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศเป็น 2 ครั้งติดต่อกันเข้าไปเจอกับ “กระทิงดุ” สเปน ที่เข้าไปยืนรอก่อนหน้านี้
เรียกได้ว่าการเจอกันระหว่าง “กระทิงดุ” กับ “สิงโตคำราม” นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งคู่ชิงชนะเลิศที่น่าดูเลยทีเดียว หนึ่งทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นทีมที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ กับอีกทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างกระท่อนกระแท่น แต่ก็ตายยากโดนนำทั้ง 3 เกมในรอบน็อกเอาต์ แต่ก็กลับมาชนะได้ทั้งหมด
สุดท้ายต้องมาลุ้นกันว่าทีมหนึ่งเข้ารอบมาด้วยฝีมือ ส่วนอีกทีมเข้ารอบด้วยการขี่ดวงมานิดๆ เมื่อมาฟาดฟันกันแล้วใครจะคว้าแชมป์ยูโร 2024 ไปครอง 14 ก.ค.นี้ ได้รู้กัน!!
มะระหวาน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่