หน้าแรกแกลเลอรี่

“จิ้งจอก” ต้องลุ้นต่อ

มะระหวาน

15 เม.ย. 2567 05:14 น.

หายใจได้คล่องมากขึ้นสำหรับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูงเดอะ แชมเปียนชิป หลังจากทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือเอฟเอ ได้ตัดสินให้ “เดอะ ฟ็อกซ์” ชนะคดีการเงิน ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลลีกอังกฤษ หรืออีเอฟแอลไม่มีสิทธิตัดแต้ม

ก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ได้โดนตั้งข้อหาละเมิดกฎการทำกำไรและความยั่งยืน หรือ Profit and Sustainability Rule (PSR) ซึ่งถ้าหากผิดจริงก็จะถูกตัดแต้มและส่งผลต่อการเลื่อนชั้น ที่ทางพรีเมียร์ลีกกำหนดไว้ห้ามขาดทุน 3 ปี ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ แต่ทาง “จิ้งจอกสยาม” ติดลบ 3 ซีซันหลังสุดของพรีเมียร์ลีกมากกว่า 215 ล้านปอนด์

หลังจากโดนตั้งข้อหาซึ่งทางพรีเมียร์ลีก กำลังเดินหน้าสอบสวนอยู่ อย่างไรก็ตาม “อีเอฟแอล” อยู่ดีๆ ก็ส่งหนังสือถึงพรีเมียร์ลีกว่า ให้เร่งการตัดสินโทษหักคะแนนเลสเตอร์ ซิตี้ ซะที โดยเร่งให้จบก่อนวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของเดอะ แชมเปียนชิป

จากสิ่งที่ทาง “อีเอฟแอล” ทำนั้นก็ประมาณได้ว่าให้พรีเมียร์ลีกเร่งตัดสินผลเพื่อที่จะได้ตัดแต้มของเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจบฤดูกาล แต่เดียวก่อน!!

ถ้าเลสเตอร์โดนตัดแต้มจริงก็ไม่เกี่ยวกับ “อีเอฟแอล” แต่อย่างใด เพราะมันจะใช้ได้ตอน “จิ้งจอกสยาม” เลื่อนชั้นกลับไปเล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง จากกรณีดังกล่าวทำให้ “เดอะ ฟ็อกซ์” ได้ยื่นฟ้อง “อีเอฟแอล”

เนื่องจากมองปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับสโมสร

จนล่าสุด “เดอะ ฟ็อกซ์” ก็ได้รับข่าวดีเมื่อ คณะอนุญาโตตุลาการของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) มีคำตัดสินให้สโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะคดีที่โดนกล่าวหาโดยระบุว่าทางสมาคมฟุตบอลลีกอังกฤษ ไม่มีสิทธิ์หักคะแนน เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2023/24 พร้อมชี้เป็นการกระทำ “มิชอบด้วยกฎหมาย”

ซึ่งหลังจากคำสั่งออกมาทางอีเอฟแอลก็ออกมายอมรับว่าตัวเองไม่มีอำนาจลงโทษหักคะแนนเลสเตอร์ ซิตี้

แต่เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าไม่สามารถทำได้ แต่จะไปเร่งเพื่อ!!

เรื่องที่หนักอกเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยกมันออกจากอกได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ต้องมานั่งกังวลเรื่องฟอร์มการเล่นของตัวเองยังไม่ฟื้น ล่าสุดบุกไปพ่ายทีมท้ายตารางอย่างพลีมัธ 0-1 ในเกมแชมเปียนชิป ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้เลสเตอร์พ่ายแพ้ 2 นัดติดต่อกัน

โดยสถานการณ์ของการลุ้นแชมป์เดอะ แชม เปียน ชิป ในตอนนี้อิปสวิชมี 89 คะแนนครอง

จ่าฝูง ตามมาด้วยเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ตามหลังอยู่ 1 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วน “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด มี 87 คะแนนหลังจากพลาดท่าพ่ายแบล็คเบิร์น 0-1 ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ตอนนี้ อิปสวิชกับลีดส์ แข่งมากสุด 43 นัดส่วนเลสเตอร์แข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด ซึ่งถ้าหาก “จิ้งจอกสยาม”เอาชนะเกมตกค้างได้ก็จะมีแต้มกลับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกครั้ง

แต่เมื่อมาดูโปรแกรมที่เหลือของ “จิ้งจอกสยาม” ที่มีคิวจะดวลกับเวสต์บรอมวิช (เหย้า), เซาแธมป์ตัน (เหย้า), เปรสตัน (เยือน) และแบล็คเบิร์น (เหย้า) บอกเลยว่าเหนื่อยแทน

เพราะเวสต์บรอม ที่ยังลุ้นโควตาเพลย์ออฟ ส่วน เซาแธมป์ตัน ก็แอบมีลุ้นจบท็อปทูเพื่อตั๋วไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเช่นกัน เพราะแข่งน้อยกว่า

จ่าฝูงอย่างอิปสวิช ถึง 2 นัดด้วยกัน

โดย “นักบุญ” ก็มีคิวที่จะดวลกับ “จิ้งจอกสยาม” ในวันอังคารที่ 23 เม.ย. ซึ่งแทบจะเป็นการตัดสินชะตาชีวิตของทั้งสองทีม หากเลสเตอร์ชนะก็มีลุ้นตั๋วกลับไปเล่นพรีเมียร์ลีก แต่ถ้า “นักบุญ” ชนะก็ต่อยอดลุ้นตั๋วขึ้นชั้นแบบอัตโนมัติทันที มันเป็นเกมที่เดิมพันค่อนข้างสูงของทั้งสองทีม

ต้องมาเป็นกำลังใจให้ทัพ “จิ้งจอกสยาม” ให้คืนฟอร์มเก่งได้ทันเวลาเพราะการต้องไปลุ้นกันต่อในรอบเพลย์ออฟ มันไม่เป็นผลดีแน่!!

มะระหวาน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่