มะระหวาน
ศึกแดงเดือดนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2023-2024 ฟาดแข้งกันสมเป็นศึกแดงเดือดจริงๆ เล่นกันได้อย่างสมศักดิ์ศรีไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายก็ จบลงที่ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไป 2–2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม
ก่อนแข่ง “หงส์แดง” ดูเหนือกว่าพอสมควรทั้งฟอร์มการเล่นและอันดับในตาราง แถมขุมกำลังตัวหลักๆอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครเจ็บเพิ่ม ขณะที่ “ปิศาจแดง” คุ้มดีคุ้มร้ายเพิ่งพ่ายแพ้เชลซีมา 3-4 แถมนักเตะในแนวรับก็พากันล้มเจ็บต้องส่งดาวรุ่งอย่างวิลลี คัมบวาลา ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับแฮร์รี แมคไกวร์
ซึ่งเปิดฉากมาก็เป็นทางลิเวอร์พูลที่เดินหน้า ยำใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว เล่นเอา “ปิศาจแดง” โงหัวไม่ขึ้นเลย และสุดท้ายก็ออกนำจนได้จากหลุยส์ ดิอาซ จากนั้น ในครึ่งแรก “หงส์แดง” ก็เปิดเกมรุกใส่แบบวันเวย์ แต่สุดท้ายก็ยิงเพิ่มไม่ได้ ซึ่งก็ต้องชมอ็องเดร โอนานา จอมหนึบของเจ้าถิ่น ที่เซฟพัลวันเลยทีเดียว
จะไม่ให้ชมได้ไง เมื่อโอนานาเซฟให้ “ผีแดง” รอดพ้นการเสียประตูถึง 6 ครั้งในเกมนี้ เรียกว่ายิงจนแนวรุก “หงส์แดง” เกือบถอดใจ ไม่ใช่แค่เกมนี้อดีตนายด่านอินเตอร์ก็เซฟช่วยแมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอดในซีซันนี้จนทำให้ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟมากสุดในลีก โดยเซฟไป 120 ครั้ง จาก 31 เกม ที่ลงสนามมีค่าเฉลี่ยการเซฟ 4 ครั้ง ต่อ 1 เกม แถมยังเก็บได้ 8 คลีนชีต
แต่เมื่อจบครึ่งแรก “หงส์แดง” ยังไม่สามารถยิงเพิ่มได้ หรือตามภาษาบอลก็คือยัง “ปิดเกมไม่ได้” และหายนะก็มาเยือนจนได้ เมื่อจาร์ราล ควอนซาห์ จ่ายบอลพลาดกลางสนาม บอลหลุดมาถึงบรูโน แฟร์นันเดส กัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ยิงสวนตูมเดียว ผ่านมือควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ที่ออกมานอกเขตโทษไกลพอสมควร
จริงๆนอกจากความผิดพลาดของควอนซาห์แล้ว ก็ต้องชมบรูโนด้วย เพราะจังหวะนี้ต้องยิงด้วยความรวดเร็ว หากยิงไม่เนียนจริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะหลุดกรอบซะมากกว่า แต่กัปตันทีม “ปิศาจแดง” ทำได้ดีจริงๆ ในจังหวะนี้
จากนั้น “ผี” ที่เล่นกับ “หงส์” ทีไรก็มักจะมีพลังแฝงอยู่เสมอก็มาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง เมื่อค็อบบี ไมนู ได้บอลในกรอบเขตโทษก่อนหมุนตัวยิงบอลโค้งเข้าไปตุงตาข่ายแบบสุดสวยให้แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกขึ้นนำ 2-1
เมื่อถูกนำ “หงส์แดง” อยู่เฉยได้ที่ไหนเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกกดดันเข้าใส่ทันที แต่ก็ไม่สามารถพังประตูได้ ลูกยิงของทั้งโมฮัมเหม็ด ซาลาห์,ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ รวมถึงอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และโดมินิค โซโบซไล ก็ได้แต่เฉี่ยว ไปเฉี่ยวมา หรือบางลูกก็ติดเซฟของโอนานา
แต่สุดท้าย “ปิศาจแดง” ก็หลุดจนได้เมื่อ วาน บิสซากา พุ่งเสียบฮาวีร์ เอลเลียตต์ ตัวจี๊ดของทีมเยือนล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินก็เป่าให้เป็นจุดโทษทันที ก่อนจะเป็นโม ซาลาห์ ที่ยิงตูมเดียวเข้าไปไม่มี พลาดให้ “หงส์แดง” ตีเสมอ 2-2 และสุดท้ายก็จบด้วย สกอร์ดังกล่าวแบ่งกันไปทีมละแต้ม อย่างไรก็ตาม “หงส์” ที่ได้มาแต้มเดียวทำให้มี 71 คะแนน เท่ากับ อาร์เซนอล แต่ลูกได้เสีย “ปืนใหญ่” ดีกว่าทำให้ ลิเวอร์พูลต้องอยู่อันดับ 2 เหมือนเดิม
แม้หลายคนจะมองว่า “หงส์แดง” ที่หายไป 2 แต้ม อาจส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์พอสมควร แต่เมื่อเช็กโปรแกรม 7 นัด ที่เหลือทีมดังจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ยังพอโล่งใจได้มีหนักแค่สเปอร์สกับ แอสตัน วิลลา ในนัดที่ 36 กับ 37 เท่านั้น ขณะที่ อาร์เซนอล มีทั้งแอสตัน วิลลา, เชลซี, สเปอร์ส และแมนฯ ยูไนเต็ด รออยู่
เห็นโปรแกรมอาร์เซนอลเจอ 4 ทีมที่กล่าวไปนั้นบอกได้เลยว่าต่อให้มิเกล อาร์เตตา และลูกทีม จะแกร่งแค่ไหนแต่โปรแกรมที่เหลืออยู่มันหนักเกินไปมีโอกาสสะดุด 1-2 นัดเช่นกัน ส่วนแมนฯ ซิตี้ นั้นแทบจะไม่มีงานหนักแล้วที่อาจจะต้องออกแรงเยอะหน่อยก็มีแค่ไบรท์ตัน กับ เวสต์แฮม แต่ก็ไม่น่ายากเชื่อว่าหลังจากอีก 7 นัด “เรือใบสีฟ้า” น่าจะได้ 21 แต้มเต็ม หรืออย่างแย่ก็ 19 แต้ม
ดูแล้วหนทางใสสุดคงเป็น “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ไม่ยากเกินไปหากไม่พลาดกันเองก็ยังเชื่อว่าสาวก “เดอะ ค็อป” จะได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกส่งท้าย ให้เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน อยู่ดี!!
มะระหวาน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่