มะระหวาน
กลายเป็นอีกหนึ่งเกมที่มีความสำคัญมากๆ ในซีซันนี้เลยทีเดียวสำหรับศึกแดงเดือด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 ของตาราง จะเปิดรังโอลด์แทรฟเฟิร์ด ต้อนรับการมาเยือนของคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก คู่นี้จะฟาดแข้งกันวันที่ 7 เม.ย.นี้ เวลา 21.30 น.
อย่างที่หลายคนทราบว่า “ปิศาจแดง” กับ “หงส์แดง” เป็นคู่ปรับกันมาเนิ่นนานชัยชนะในแต่ละครั้งมันมากกว่า 3 แต้ม มันเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีที่ใครจะพ่ายแพ้ไม่ได้ ในฤดูกาลนี้ทั้งสองทีมเจอกันมาแล้ว 2 ครั้ง โดยนัดแรกเจอกันในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 ส่วนเกมสองเจอกันในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีม “ปิศาจแดง” เอาชนะ “หงส์แดง” ไปได้ 4-3 ถีบอริตัวฉกาจตกรอบไปอย่างเจ็บแสบ
การเจอกันในสุดสัปดาห์นี้ (7 เม.ย.) เป็นครั้งที่ 3 ในฤดูกาลนี้ และถือว่าเป็นครั้งที่ 213 ที่ทั้งสองเจอกันนับตั้งแต่ก่อนตั้งสโมสรเป็นต้นมา โดยแมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 83 ครั้ง ลิเวอร์พูล ชนะ 71 ครั้ง และเสมอกัน 59 ครั้งด้วยกัน
ซึ่งถ้าหากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะลิเวอร์พูล หรือทำได้แค่เสมอในเกมนี้นั้น จะทำให้ “ปิศาจแดง” ไม่แพ้ “หงส์แดง” ใน 1 ฤดูกาล เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยหนล่าสุดที่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่แพ้ในเกมแดงเดือด ต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2017-2018 โดยในปีนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะในบ้าน 2-1 ก่อนจะบุกไปยันเสมอลิเวอร์พูล 0-0 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ศึกแดงเดือดในสุดสัปดาห์นี้จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่สำคัญมากๆของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ไม่มีทางเลือกอื่นต้องบุกไปทุบแมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้ เพื่อหวังที่จะครองตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกต่อไป
แต่ถ้าลูกทีมของเจอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ก็มีโอกาสที่จะเสียตำแหน่งจ่าฝูงค่อนข้างสูง รวมถึงอาจจะสะเทือนถึงการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
สภาพทีมของทั้งสองทีมนั้นก็ย่ำแย่ไม่แพ้กันมีนักเตะบาดเจ็บมากมาย แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่มีทั้งลุค ชอว์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, แอนโธนีย์ มาร์กเซียล, อัลทาย บายินดีร์ ที่เจ็บ แถมล่าสุดเพิ่งจะเสีย ลิซานโดร มาร์ติเนซ และวิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่ได้รับบาดเจ็บไปหมาดๆ
ขณะที่ลิเวอร์พูล ก็มีอาการบาดเจ็บเยอะไม่แพ้กัน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อลิสสัน เบคเกอร์, ดิโอโก โชตา, เคอร์ติส โจนส์, ติอาโก อัลคันทารา และสเตฟาน บาเยติช แต่ก็ต้องลุ้นว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายทีมชาติ สกอตแลนด์ ของทีมจะฟิตกลับมาลงเล่นทันหรือไม่
บอกเลยที่เหลืออยู่ก็ฟาดฟันกันมันส์ไม่แพ้กันในเกม 2 เกมที่ผ่านมา แม้ว่า “ปิศาจแดง” จะอยู่ในฟอร์มลุ่มๆดอนๆ เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะแย่ก็แย่ก็แพ้ได้แบบง่ายดายเช่นกัน แต่เมื่อมาเจอกับลิเวอร์พูลทีไร ก็เหมือนมีพลังงานแฝงสร้างความปั่นป่วนให้กับ “หงส์แดง” ได้ตลอด
เชื่อว่านัดนี้ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน จะค่อนข้างเน้นเป็นพิเศษเพราะถ้าพลาดในครั้งนี้ “หงส์แดง” ก็มีโอกาสสูญเสียทุกอย่างที่ทำเอาไว้ในพรีเมียร์ลีกเลยก็เป็นได้ เพราะบรรดาทีมรองอย่างอาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พร้อมที่จะขึ้นไปแทนบนบัลลังก์จ่าฝูง
เช่นเดียวกับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก็ต้องการชัยชนะเช่นกันเพราะก็ต้องการได้ 3 แต้มในการไล่ล่าตำแหน่งท็อปโฟร์มาครองเช่นกัน
เรียกได้ว่าแดงเดือดในนัดนี้เป็นแดงเดือดที่สำคัญมากๆกับทั้งสองฝ่าย มันทำให้เกมนี้จะเป็น แดงเดือดที่จะมันส์มากกว่าครั้งไหนๆ แน่นอน คอบอลอย่างเราบอกได้เลยว่าห้ามพลาด!!
มะระหวาน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่