มะระหวาน
ชื่อของ “เอ็นดริก เฟลิเป” อาจจะยังไม่คุ้นหู แฟนบอลสักเท่าไร เพราะเจ้าตัวเพิ่งอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น
แต่ในโลกของวงการลูกหนังแล้วแข้งรายนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามที่ถูกยกย่องว่าเป็น “วันเดอร์คิด” คนใหม่บนพื้นหญ้า
ย้อนกลับไปประเทศบราซิลเป็นหนึ่งที่ที่ผลิตแข้งระดับโลกขึ้นมาประดับวงการลูกหนังมากมายยกตัวอย่างเช่น เปเล่, โรนัลโด, โรนัลดินโญ หรือ เนย์มาร์และคนอื่นๆอีกมากมาย ถ้าพูดกันตรงนี้หน้ากระดาษคงเขียนไม่หมด ส่วนในปัจจุบันต้องยกให้วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวเตะของเรอัล มาดริด
จนมาถึงดาวดวงใหม่ที่เฉิดฉายขึ้นมานั้นก็คือ เอ็นดริก ที่เริ่มเตะบอลตั้งแต่ 4 ขวบ และฝีเท้าเขาก็โดดเด่นเป็นอย่างมาก จนทำให้ในวัย 11 ปีทางพัลเมรัส ทีมยักษ์ใหญ่จากบราซิล เจรจาจนได้ตัวมาสู่อะคาเดมีของสโมสร
ซึ่งหลังจากย้ายมาอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่ของบ้านเกิดก็ทำให้เอ็นดริกได้ระเบิดฟอร์มสุดยอดตลอด 5 ปีกับพัลเมรัส ยิงไปกว่า 165 ประตูจาก 169 เกม และส่วนใหญ่ก็เป็นการลงเล่นข้ามรุ่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเตะในทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี และรุ่นต่ำกว่า 20 ปี
จากนั้นฟอร์มการกระหน่ำประตูก็ทำให้เจ้าตัวถูกเรียกติดทีมชาติบราซิลในชุดต่างๆ และก็ยังยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้แฟนบอลแซมบ้าต่างนำ เอ็นดริกมาเปรียบเทียบกับตำนานทีมชาติอย่างโรมาริโอ
หลังจากมีชื่อเสียงขึ้นมาทำให้บรรรดาทีมดังจากยุโรปต่างสนใจตัวเอ็นดริกเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลนา, เรอัล มาดริด, เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทุกคนก็ต้องรอเพราะเจ้าตัวเพิ่งอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น
ก่อนพัลเมรัสจะดึงตัวของเอ็นดริกขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 2 เดือน และ 16 วันเท่านั้น
ก่อนใช้เวลาอีกเพียงแค่ 2 นัดเจ้าตัวก็ซัดคนเดียว 2 ประตูให้พัลเมรัสเอาชนะแอต เลติโก พาราเนนเซ ไปได้ 3-1 และกลายเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยเป็นอันดับ 2 ของลีกแซมบ้า ก่อนจะคว้าแชมป์ลีกไปในท้ายฤดูกาล
จากนั้นในปี 2023 เอ็นดริก ก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักอย่างเต็มตัวยิงไป 14 ประตูจาก 53 นัดรวมทุกรายการ และพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งที่สองของเจ้าตัว
หลังจากเห็นฟอร์มแล้วทางบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่รอช้าพยายามเปิดศึกเพื่อดึงตัวของเอ็นดริกมาร่วมก๊วนให้ได้เพราะมองว่าไอ้หนูคนนี้คือของแท้และน่าจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในอนาคตได้แน่ๆ
และสุดท้ายก็เป็น “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่มีบรรดาแข้งแซมบ้าอยู่ร่วมทีมมากมายที่เซ็นสัญญาล่วงหน้าคว้าตัวของเอ็นดริกไปครอง โดยตอนนั้นเจ้าตัวเพิ่งอายุ 16 ปีเท่านั้น ทำให้เจ้าตัวจะย้ายมาเล่นในฤดูกาล 2024-2025 เนื่องจากต้องรอให้ครบ 18 ปี ก่อนตามกฎของฟีฟ่า
ด้วยความร้อนแรงทำให้เอ็นดริกถูกเรียกมาติดทีมชาติชุดใหญ่และได้ประเดิมสนามตั้งแต่ติดทีมชาติครั้งแรกทำให้เจ้าตัวเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 4 ของทัพ “แซมบ้า”
ก่อนเจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มยิงประตูชัยให้ทัพ “เซเลเซา” บุกมาเชือด “สิงโตคำราม” อังกฤษไป 1-0 พร้อมสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงให้บราซิล นับตั้งแต่โรนัลโดทำเอาไว้ในปี 1994 ด้วยวัย 17 ปี 246 วัน
จากฟอร์มการเล่นของเอ็นดริกบอกได้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา อดใจไม่ไหวแล้วอยากเห็นในฤดูกาลหน้าที่ดาวยิงวัย 17 ปี จะมาผนึกกำลังกับวินิซิอุส จูเนียร์ และโรดรีโก เพื่อนร่วมชาติในถิ่นซานติอาโก เบอร์นาบิว
เมื่อทั้ง 3 มารวมกับจูด เบลลิงแฮม กองกลางทีมชาติอังกฤษ แล้วละก็รับรองปีหน้า “ราชันชุดขาว” น่าจะสร้างความสั่นสะเทือนให้กับเวทียุโรปได้มากพอตัวเลยทีเดียว
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นจากเกมที่ชนะอังกฤษ แม้ว่าจะได้เล่นเพียงแค่ 19 นาที แต่สิ่งที่เอ็นดริกแสดงออกมาบอกได้เลยว่าเป็นของแท้ หรือภาษาวัยรุ่นเรียกกันว่า “ของแทร่” สมแล้วที่ถูกยกให้เป็น “วันเดอร์ คิด” คนใหม่ของวงการลูกหนังแดนกาแฟ!!
มะระหวาน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่