มะระหวาน
สุดสัปดาห์นี้ถ้วยใบแรกของลีกอังกฤษที่จะลงทำการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ นั่นก็คือ ศึกคาราบาว คัพ โดยคู่ชิงดำจะเป็นการพบกันของ “สาลิกา” นิวคาสเซิล ทีมอันดับ 5 บนตาราง พรีเมียร์ลีก พบกับ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ เวลา 23.30 น. ที่สนามเวมบลีย์
เรียกได้ว่า รอบชิงชนะเลิศของทั้งสองทีม ครั้งนี้นั้นมีความหมายมากๆ โดยเฉพาะนิวคาสเซิล ที่ห่างเหินจากถ้วยแชมป์รายการต่างๆมาเนิ่นนานถึง 54 ปี หลังจากครั้งล่าสุดที่ “สาลิกา” เถลิงแชมป์ ก็คือถ้วยอินเตอร์ ซิตี้ แฟร์สคัพ ในปี 1969
หลายคนอาจจะงงว่า ถ้วยอินเตอร์ ซิตี้ แฟร์สคัพ คือถ้วยใบไหน ก็คือถ้วยยุโรปใบเล็ก ที่ต่อมาเรียกว่า ยูฟ่า คัพ ก่อนในปัจจุบันก็คือ ยูโรปา ลีก
ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ด การเข้าสู่รอบชิงไม่ใช่ เรื่องใหม่ เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็เข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก มาแล้วก่อนจะจบด้วยรองแชมป์ แต่ การลงเล่นนัดชิงครั้งนี้จะเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรก ในรอบ 6 ปี หลังถ้วยแชมป์ใบสุดท้ายที่ทำได้คือ ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2016-2017
เท่านั้นยังไม่พอการเข้าชิงชนะเลิศของทั้งสองทีมนั้น ก็ถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือของกุนซือ รุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเอ็ดดี ฮาว เฮดโค้ชหนุ่มมาก ฝีมือของนิวคาสเซิล จะวัดชั้นเชิงกับผู้มาใหม่ป้ายแดงในลีกอังกฤษอย่างเอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ของแมนฯ ยูไนเต็ด
โดยทั้งสองคนตอนนี้ถูกยกให้เป็นสองกุนซือ มากฝีมือในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้หลังจากโชว์ฝีมือคุมทัพจนพาทีมลิ่วติดลมบนอยู่หัวตาราง ฮาว คุมนิวคาสเซิล ลุ้นโควตายูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่วนเทน ฮาก พา “ปิศาจแดง” ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก เท่านั้นยังไม่พอตอนนี้มีลุ้นถึง 4 แชมป์เลยทีเดียว
นอกจากไฮไลต์ของทั้งคู่ที่จะลงเล่นรอบชิงชนะเลิศเพื่อล่าถ้วยแชมป์ใบแรกปีนี้ ยังมีสิ่งที่หลายคนจับตามอง ไม่ใช่มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้า ฟอร์มร้อนจะยิงประตูติดๆ กันได้อีกหรือไม่? หรือ นิวคาสเซิลจะได้แชมป์แรกในรอบ 54 ปีหรือไม่
แต่สปอตไลต์จับจ้องไปที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูของนิวคาสเซิล เพราะโอกาสมือ 1 ที่จะลงสนามก็คือ ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูในตำนาน ที่สาวก “หงส์แดง” ต่างจำไม่เคยลืมเลือน
คาริอุสจะได้ลงสนามเป็นตัวจริงค่อนข้างจะแน่นอน เพราะนายด่านมือ 1 อย่างนิค โป๊ป ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษติดโทษแบน ส่วน มาร์ติน ดูบราฟกา ก็ติดกฎคัพไท เพราะเคยเล่นให้ “ปิศาจแดง” ในรายการนี้ไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ จอบหนึบวัย 29 ปี สร้างชื่อเสียง ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ใน ฤดูกาล 2017-2018 ที่เล่นผิดพลาดหลายจังหวะจนทำให้ลิเวอร์พูลต้นสังกัดในตอนนั้นพ่ายแพ้ เรอัล มาดริด 1-3 ในรอบชิงชนะเลิศ จนทำให้ สาวก “เดอะ ค็อป” จำมาจนถึงตอนนี้
ซึ่งบรรดาสาวก “ทูน อาร์มี่” คงใจตุ๊มๆต่อมๆ เหมือนกันเพราะที่ผ่านมาคาริอุสยังไม่เคยได้ ลงสนามเลยซักนัดตั้งแต่ย้ายมา
แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่วิกฤติอย่างสุดๆ มักจะเกิดฮีโร่อยู่เสมอ ดีไม่ดีคาริอุส ที่หลายคนปรามาสเอาไว้จากอดีตที่ย่ำแย่
เชื่อว่าตัวเขาเองน่าจะเน้นเป็นพิเศษเพื่อต้องการลบล้างความผิดพลาดของตัวเองอาจจะเค้นฟอร์มเทพออกมาเซฟจนมือระวิงพา “สาลิกา” คว้าแชมป์ก็เป็นไปได้!!
มะระหวาน