มะระหวาน
ก่อนลงสนามในเกมซุปเปอร์ซันเดย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในคู่ระหว่างลิเวอร์พูลพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใครๆก็มองว่า “หงส์แดง” ไม่รอดเงื้อมมือของ “เรือใบสีฟ้า” แน่นอนเพราะฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมแตกต่างกันดังฟ้ากับเหว
ลิเวอร์พูลก่อนลงสนามยังไม่ชนะใครในลีกมา 3 นัดติดต่อกัน แถมฟอร์มตั้งแต่เปิดฤดูกาลย่ำแย่สุดๆ รั้งอันดับ 10 ของตาราง ขณะที่แมนฯ ซิตี้ ผู้มาเยือนฟอร์มกำลังฮอตสุดๆ โดยเฉพาะ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กองหน้าตัวใหม่ชาวนอร์เวย์ที่กดไป 15 ตุงจาก 9 นัดในลีก
แถมเมื่อประกาศรายชื่อ 11 ตัวจริงออกมาสาวก “เดอะ ค็อป” ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเจอร์เกน คลอปป์ กุนซือเลือดเบียร์ ปรับมาส่งฟาบินโญ, ติอาโก อัลคันทารา ยืนคู่กลาง ดันฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ขึ้นมาเดินเกมรุกร่วมกับโรแบร์โต ฟีร์มิโน, ดิโอโก โชตา โดยมีโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ลงยืนหน้าเป้า
ขณะที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา แม้ว่าฟอร์มกำลังฮอตแต่ก็ยังไม่ประมาทจัด 3 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเพื่อรับมือแนวรุกลิเวอร์พูล แนวรุกมี เควิน เดอ บรอยน์ บัญชาปั้นเกมรุก โดยมีฮาแลนด์ลงยืนหน้าเป้า
แต่พอลงสนามเกมดันกลับตาลปัตรเมื่อ “หงส์แดง” ที่อยู่ในสภาพพิการสู้กับทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างคู่คี่สูสี โดยเฉพาะการเล่นเพรสซิ่งที่แข้ง ลิเวอร์พูลกดดันแมนฯ ซิตี้ เดินเกมได้ไม่ถนัด
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมามีเกมนี้นี่แหละที่ทำให้แดนกลางของแมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถเดินเกมได้อย่างตามใจชอบ เช่นเดียวกับเควิน เดอ บรอยน์ ที่โดนผู้เล่นลิเวอร์พูลรุมใส่จนแทบจะกระดิกไม่ได้เลย
ส่วนฮาแลนด์ เกมนี้ก็ดับสนิทไม่ใช่ว่าเล่นไม่ดี กองหน้าวัย 21 ปี ก็ยังสามารถวิ่งหาช่องได้อย่างต่อเนื่องและมีโอกาสจบสกอร์เหมือนเดิม
แต่ที่เปลี่ยนก็คือแนวรับของ “หงส์แดง” ที่วันนี้เล่นได้ไฉไลเหลือเกินโดยเฉพาะโจ โกเมซ ที่ก่อนหน้านี้เล่นผิดฟอร์มแบบสุดๆ แถมยังเล่นเฟอะฟะ แต่เกมนี้ไม่รู้ว่า โกเมซไปชุบร่างทองที่ไหนมาสามารถหยุดฮาแลนด์ได้อยู่หมัดจริงๆ
เช่นเดียวกับเวอร์จิล ฟาน ไดก์ ปราการหลังจอมแกร่งที่เป็นหัวใจของทีมที่กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเองเป๊ะๆ ไม่มีผิดพลาดให้เห็นเลย
เรียกได้ว่าลูกทีมของคลอปป์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้ง 90 นาที ยิ่งโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าดาวซัลโวชาวอียิปต์ ที่ฝืดมาหลายนัด เกมนี้ยิงประตูชัยได้อย่างสุดยอดเรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่ซาลาห์ ลูกนี้อาจจะนิ่งไม่เข้าก็ว่าได้ บอกตรงๆ ลูกนี้อดีตกองหน้าเชลซีนั้นยิงได้นิ่งจริงๆ
หลังจากโดนนำเพิ่งจะเห็นวันนี้ที่ผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ ดูไม่นิ่งทำอะไรก็รวนไปหมด เร่งรีบจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ จนทำให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้นง่ายๆ ยังโชคดีที่ไม่เสียประตูที่สอง
ส่วนวันนี้อีกคนที่ผิดฟอร์มก็คือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา นายใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ ที่ไม่ยอมแก้เกมเลย
งงจริงๆ เพราะข้างสนามมีทั้งแจ็ค กรีลิช และริยาด มาห์เรซ ปีกความเร็วสูง แต่ทางเป๊ป กลับไม่ส่งทั้งคู่ลงไปแก้เกมยังใช้แนวรุกชุดเดิมๆ ทั้งๆที่เกมรุกตื้อไปหมดแล้ว
แต่ที่น่าชื่นชมก็คือ เจอร์เกน คลอปป์ แก วางหมากมาได้ดีจริงๆ แม้ว่าตัวเองจะโดนไล่ออกจากสนาม แต่ได้ชัยชนะกลับมาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
จากวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า “หงส์แดง” ทีมเดิมใกล้กลับมาแล้ว ลงเล่นด้วยความมั่นใจและสู้ไม่ถอย
เรียกได้ว่าชัยชนะเกมนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของ “เรด แมชชีน” โดยแท้จริง
หลังจากนี้ไปใครเจอกับลิเวอร์พูลต้องระวังตัวเองไว้ว่า “หงส์แดง” ของจริงกลับมาแล้ว!!
มะระหวาน