มะระหวาน
เสียงระฆังเริ่มฤดูกาลใหม่ของพรีเมียร์ลีกลั่นเปิดฤดูกาลอย่างเป็นทางการหลังเกม เอฟเอ คอมมูนิตี้ชิลด์ จบลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยชัยชนะของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แชมป์เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-1
บอกได้เลยว่าเกมนี้ความมันนั้นยกให้เกิน 5 ดาวไปเลยเพราะทั้งคู่ใส่กันแบบไม่มียั้งเหมือนเกมนี้เป็นการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกในนัดสุดท้ายไม่ใช่เกมชิงโล่เพื่อการกุศลแต่อย่างใด
ทั้งสองทีมเปิดเกมอัดใส่กันไม่หยุด เล่นเอาแฟนบอลอย่างเรานั่งดูก็เพลิดเพลินสายตาไปด้วยแม้ว่าจะไม่ใช่ทีมรักเตะก็ตาม
ส่วนไฮไลต์ของเกมนี้คือการวัดกันของ 2 ดาวยิงหน้าใหม่ที่ถูกยกให้เป็นดาวดวงใหม่ของวงการลูกหนังโลกอย่างดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของลิเวอร์พูล กับเออร์ลิง ฮาแลนด์ ดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ของแมนฯ ซิตี้
จากฟอร์มการเล่นนั้นทั้งคู่ก็ทำได้ดีพอๆ กัน มีความกระตือรือร้นและกระหายที่จะยิงประตูให้ได้ โดยฮาแลนด์ได้โอกาสในสนามมากกว่า เพราะได้ลงเล่น 90 นาทีเต็ม ส่วนนูนเญซได้โอกาส 31 นาที แต่อดีตกองหน้าเบนฟิกายิงได้ 1 ประตู จากลูกโหม่งช่วงท้ายเกม
ทำให้การดวลกันยกแรกนั้น นูนเญซเป็นฝ่ายที่เอาชนะไปได้ก่อนจากสกอร์ที่ทำได้
เมื่อคืนวันเสาร์เกมชิงโล่คือไฮไลต์ก็จริง แต่อยากจะเขียนถึงอีกหนึ่งเกมอุ่นเครื่องระหว่าง “ปิศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด กับ “ตราหมี” แอต.มาดริด ที่ดุเดือดไม่แพ้คู่ “หงส์” กับ “เรือใบ” เลย
แม้ว่าจะเป็นเกมอุ่นเครื่องแต่ทั้งสองฟาดแข้งกันเหมือนเตะนัดชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หวดกันแบบเน้นๆทั้งบอลทั้งคนทุกการปะทะก็พร้อมที่จะมีเรื่องเลยทีเดียว
สุดท้ายเกมจบลงด้วย แอต.มาดริด เอาชนะไปได้ 1-0 ซึ่งเป็นการพ่ายแพ้เกมแรกตั้งแต่อุ่นเครื่องของ “ปิศาจแดง”
เมื่อได้นั่งดู “ผี” เล่นในเกมนี้บอกสาวก “เรด เดวิลส์” ให้ลืมภาพจำเก่าๆ โดยเฉพาะยุค ราล์ฟ รังนิก ทิ้งไปเลย
เพราะยุค เทน ฮาก นั้นนักเตะไม่มีเล่นบอลหงิมๆติ๋มๆกันอีกแล้ว ใครแรงมาก็พร้อมจะแรงกลับ มีความหิวกระหายในชัยชนะแบบเต็มเปี่ยม ไม่ใช่เล่นไปแบบวันๆเหมือนเดิมอีกต่อไป
แถมการได้คริสเตียน อีริคเซน มาเสริมทัพอีกบอกได้เลยว่าจังหวะเกมเนียนขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะครองบอล
จังหวะจ่ายบอลว่าควรช้าควรเร็ว แค่เกมเดียวที่ลงเล่นเป็นทางการแบบนี้ อีริคเซนก็เอาแผงกลาง “ปิศาจแดง” ได้อยู่หมัด
อีกจุดหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือลูกเซตพีซ ที่ดูหลากหลายและมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ว่าจะโยนไปเหมือนที่ผ่านๆมา แต่ก็ยังต้องปรับอีกนิด ถ้าลงตัวเมื่อไรแจ่มแน่
ตอนนี้ปัญหาสุดท้ายอยู่ที่พี่ใหญ่อย่าง คริส เตียโน โรนัลโด กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสว่าจะเอายังไงต่อ
แต่ดูแล้วว่าคงไม่ย้ายแล้วล่ะ น่าจะอยู่กับทีมต่อไป เมื่อได้ “โด้” มาเสริมทัพอีกเชื่อว่าทำแนวรุก “ปิศาจแดง” เฉียบคมเพิ่มขึ้นไปอีก
ส่วนที่หลายคนกังวลว่า “โด้” จะไม่เข้ากับแผน ไม่ต้องห่วงระดับเทน ฮาก ต้องมีแผนไว้เผื่ออยู่แล้ว
จากฟอร์มที่ผ่านมา “ปิศาจแดง” เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าถามว่าจะได้ลุ้นถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกมั้ย
บอกได้เลยว่ามันยังคงห่างไกล...แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน!!
มะระหวาน