หน้าแรกแกลเลอรี่

เสียดาย “วิลเชียร์”

มะระหวาน

10 ก.ค. 2565 05:57 น.


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 อาร์แซน เวงเกอร์ ตำนานกุนซือชาวฝรั่งเศสของอาร์เซนอล ได้เรียกเด็กดาวรุ่งวัย 16 ปี นามแจ็ค วิลเชียร์ ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของ “เดอะ กันเนอร์ส” เพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2008–2009 และยังได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่อีกด้วย โดยลงเล่นไป 8 นัดรวมทุกรายการ

ซึ่งในการเล่นทั้ง 8 นัดของวิลเชียร์ ด้วยวัยเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มนั้นก็ได้ถูกยกย่องว่าเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของทีมชาติอังกฤษเลยทีเดียว เพราะการเล่นของเจ้าตัวนั้นเล่นได้อย่างแข็งแกร่งและดุดันเหมือนไม่ใช่เด็กอายุ 16 ปี

จากนั้นวิลเชียร์ก็ถูกส่งไปชุบตัวกับโบลตัน วันเดอเรอร์ส เพื่อนร่วมลีกในฤดูกาล 2009-2010 ซึ่งวิลเชียร์ก็ได้ลงเล่นไป 14 เกมยิงไป 1 ประตู จากฟอร์มการเล่นกับโบลตันแล้วทำให้เวงเกอร์ ดึงตัวกลับมาสู่อาร์เซนอลอีกครั้งหลังจากเห็นว่า “วันเดอร์คิด” รายนี้เก็บประสบการณ์มากพอแล้ว

หลังจากนั้นฤดูกาลถัดมา 2010-2011 วิลเชียร์ก็กลายมาเป็นตัวหลักของอาร์เซนอลในทันที เวงเกอร์ส่งกองกลางรายนี้ลงสนามในลีกมากถึง 35 นัดและเจ้าตัวก็ยิงได้ 1 ประตูด้วยกัน

ฟอร์มเจ๋งไม่เจ๋งไม่รู้แต่วิลเชียร์ก็ถูกเรียกตัวไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษทันที แม้ว่าจะได้ลงสนามเพียงแค่ 1 นัดในปี 2010 แต่ก็เป็นใบเบิกทางที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเขายังอยู่ในสายตาผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ และสุดท้ายเล่นไป 34 นัด ยิงไป 2 ประตู

ซึ่งหลังจากจบฤดูกาลดังกล่าวใครๆก็คิดว่าทางอาร์เซนอลเตรียมได้กัปตันทีมคนใหม่ในอนาคต เช่นเดียวกับ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ที่ก็มีแคนดิเดตกัปตันทีมเพิ่มเช่นกัน

สไตล์การเล่นของแจ็คนั้นละม้ายคล้ายคลึงกับเชส ฟาเบรกัส อดีตกองกลางตัวเก่งชาวกระทิงดุ บรรดากูรูทั้งหลายก็มองว่าทั้งสองแทบจะเคาะออกมาจากบล็อกเดียวกันเลย ครองบอลได้ยอดเยี่ยม และชอบการจ่ายบอลแบบไดเรกต์ และสามารถเปลี่ยนเกมได้ว่องไว

แต่หลังจากที่เจ้าตัวโด่งดังและได้รับคาดการณ์ว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ลางร้ายก็เริ่มปรากฏเมื่อวิลเชียร์ได้รับบาดเจ็บยาวต้องพักเป็นเวลา 1 ฤดูกาลในซีซัน 2011-2012 หายไป 1 ปีเต็มๆ ต่อให้เป็น “วันเดอร์คิด” ระดับไหนหากไม่ได้พัฒนาต่อเนื่องก็แย่เช่นกัน

หลังจากนั้นเป็นต้นมา วิลเชียร์ก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย มีอาการบาดเจ็บตามรบกวนอยู่ตลอดเล่น 1-2 นัดก็เจ็บ หายไป 3-4 สัปดาห์ หรือบางครั้ง 2-3 เดือนเลยทีเดียว โดยปัญหาหลักๆอยู่ที่ข้อเท้า

นอกจากอาการบาดเจ็บแล้วทางวิลเชียร์ ยังมีปัญหาเรื่องนอกสนาม เพราะตอนได้รับบาดเจ็บช่วงว่างที่รอให้หายสนิทเจ้าตัวก็มีความสุขกับการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ซึ่งเรื่องดังกล่าววิลเชียร์ก็ยังแอบทำอย่างต่อเนื่อง

จนสุดท้าย เวงเกอร์ก็แจ้งวิลเชียร์ให้สามารถย้ายทีมได้ เพราะทนไม่ไหวกับอาการบาดเจ็บที่มากมายถึง 25 ครั้ง และทัศนคตินอกสนาม

แม้ว่าจะย้ายไปเล่นให้กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือบอร์นมัธ ก็ยังไม่พ้นเรื่องเดิมๆ อาการบาดเจ็บ เรื่องราวส่วนตัวนอกสนาม จนสุดท้ายก็ต้องย้ายไปเล่นให้กับอาร์ฮุส สโมสรสุดท้ายในลีกเดนมาร์ก

แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมยังไม่สามารถเล่นได้เต็มที่จนเจ้าตัวหมดสัญญาในช่วงมกราคมที่ผ่านมากลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์

ที่จริงแล้วด้วยวัย 30 ปี ยังไม่แก่เกินไปที่จะเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่จากสภาพร่างกายและความประพฤติที่ผ่านมาไม่มีใครที่จะกล้าเสี่ยงกับวิลเชียร์อีกแล้ว

จนสุดท้ายวิลเชียร์ก็ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการด้วยวัย 30 ปีเท่านั้น

แต่เจ้าตัวก็เตรียมเริ่มบทบาทใหม่นั่นก็คือเฮดโค้ช หลังจากแอบไปซุ่มเรียนมาแล้ว

และเชื่อว่าในการที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชจะนำเอาประสบการณ์ของตัวเองมาสอนแก่เยาวชนรุ่นหลังว่าไม่ให้เดินตามรอยทางของตัวเอง!!

มะระหวาน