มะระหวาน
สิ้นสุดลงไปแล้วสำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 เมื่อคืนวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา โดยแชมป์ปีนี้ตกเป็นของ “อัซซูรี” อิตาลี ที่ดวลจุดโทษเอาชนะ “สิงโตคำราม” อังกฤษ ไปได้ 3-2 หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ของอิตาลีถือว่าเป็นการ คว้าแชมป์ในรอบ 53 ปี หลังจากครั้งล่าสุดที่ทัพมะกะโรนีทำได้ต้องย้อนไปในยูโร 1968 เลยทีเดียว
ก็ต้องบอกเลยว่าเกมรอบชิงชนะเลิศนั้นเล่นกันได้อย่างสุดมันส์และมีเหตุการณ์ครบรสจริงๆ สมควรแล้วที่ทุกคนต่างขนานนามให้เป็น “ดรีมไฟนอลส์”
น่าเสียดายแทน “สิงโตคำราม” ที่เดินทางมาไกลเหลือเกินเกือบจะคว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกมาครองได้ เกมนี้แข้งผู้ดีเล่นกันได้ดีจริงๆ แถมยังมีโอกาสสูงที่จะได้แชมป์หลังออกนำไปตั้งแต่ไก่โห่นาทีที่ 2 ของการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม พอนำแล้ว อังกฤษก็เริ่มไม่เดิน เกมรุกอย่างที่เคยเป็นบางครั้งก็ดูเฉื่อยชาไปบ้างจนมาโดนตามตีเสมอได้สำเร็จ เพิ่งกลับมาเปิด เกมรุกเข้าใส่อีกครั้ง
แต่มาครั้งนี้ก็ยากที่จะเจาะแนวรับของอิตาลี เข้าไปพังประตูได้ทั้งจอร์โจ คิเอลลินี และเลโอนาร์โด โบนุชชี 2 เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอิตาเลียน เล่นได้แข็งแกร่ง จริงๆ ส่วนลูกแรกที่เสียไปบอกได้เลยว่าแนวรับอิตาลียังตั้งตัวไม่ทัน และไม่คิดว่า ลุค ชอว์ จะสอดมา ตรงช่องว่างตรงนั้นด้วยเลยโดนเล่นงานจนได้
พอทั้งสองคนตั้งตัวได้แนวรุกของอังกฤษ ก็ไปไม่เป็นเช่นเดียวกัน เชื่อว่าบรรดาตัวจี๊ดของ “ทรี ไลออนส์” ก็ขยาดด้วยเช่นกัน เพราะโดน คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของอิตาลีเสียบหนัก เสียบอย่างโหด เล่นเอาจุกไปหลายทีเลยทีเดียว
ส่วนกองกลางนั้น จอร์จินโญก็คุมเกมได้เนียนกริบ มีแค่แนวรุกของทัพ “อัซซูรี” ที่เหนื่อยหน่อย เจอกับแฮร์รี แมคไกวร์ กับจอห์น สโตนส์ ก็หนักไปแพ้บรรดาแนวรุกผู้ดีเช่นกัน
บอกได้เลยว่าเล่นกันได้สมศักดิ์ศรีนัดชิงชนะเลิศจริงๆ ถ้ามองจากผลงานที่ผ่านมาของอิตาลีนั้นก็ถือว่าคู่ควรที่จะเป็นแชมป์ยูโรครั้งนี้แล้ว เพราะเป็นทีมที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์
รอบแรกชนะ 3 เกมรวดไม่เสียประตูเลย นัดแรก ชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 และชนะเวลส์ 1-0 ในรอบ 16 ทีม เอาชนะออสเตรีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษหลัง 90 นาที เสมอ 1-1
รอบ 8 ทีมชนะ เบลเยียม 2-1 ก่อนในรอบ ตัดเชือก เอาชนะจุดโทษ สเปน 4-2 หลังจากเสมอ ในเวลา 120 นาที 1-1 และปิดท้ายที่นัดชิง อิตาลี ชนะจุดโทษอังกฤษไป 3-2 หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 จากฟอร์มที่ผ่านมาก็ถือว่าเหมาะสมแล้วที่อิตาลีจะคว้าแชมป์ยูโรมาครอง
นอกจากนักเตะที่โชว์ฟอร์มกันได้ดีทุกคนแล้ว ก็ต้องยกย่องโรแบร์โต มันชินี กุนซือคนเก่งด้วยที่สามารถสร้างทีมมาตลอดทั้ง 3 ปี เข้ามาปรับเปลี่ยน เรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการที่ดึงบรรดานักเตะที่มี ฝีเท้าดี โดยที่ไม่สนใจว่าจะอยู่ทีมใหญ่หรือทีมเล็ก
แม้ว่าจะโดนต่อต้านในช่วงแรกว่าดึงแต่เด็ก รุ่นใหม่มาร่วมทีมโดยไม่มีนักเตะวัยเก๋ามาช่วยประคองน้องๆ แถมยังปรับให้แนวรุกอิตาลีให้เล่นได้หลาย มิติและอันตรายมากขึ้นไม่ได้มีแต่เกมรับและโต้กลับเหมือนเดิม
ซึ่งจากการพาทีมคว้าแชมป์ยูโร 2020 และ สถิติที่อิตาลี ไม่แพ้ใครมายาวนานถึง 34 นัดด้วยกัน แสดงให้เห็นว่า มันชินี ทุกอย่างที่เขาตัดสินใจคือสิ่งที่ถูกต้อง
แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อจากทีมที่ถูกเรียกว่าจุดต่ำสุดหลังไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียได้ อีก 3 ปีผ่านมา “อิตาลี” กลับมาผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2020 มาครองได้สำเร็จ!!
มะระหวาน