หน้าแรกแกลเลอรี่

ยูโรดรีมไฟนอลส์

มะระหวาน

11 ก.ค. 2564 05:01 น.

การเดินทางของศึกยูโร 2020 ที่ฟาดแข้งกันมาตลอดเกือบ 1 เดือนก็ได้เดินทางมาถึงวันสุดท้ายกันแล้วในค่ำคืนนี้ (11 ก.ค.) เป็นรอบชิงชนะเลิศ “สิงโตคำราม” อังกฤษ พบกับ “อัซซูรี” อิตาลี เรียกได้ว่าคู่ชิงคู่นี้เป็นอีกคู่ที่อยู่ในฝันของใครหลายๆคน

โดยเฉพาะสาวก “สิงโตคำราม” ที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมานานถึง 55 ปีแล้ว หลังจากครั้งล่าสุดที่ทำได้ในฟุตบอลโลกปี 1966 ซึ่งในปีนั้น อังกฤษ คว้าแชมป์มาครอง

ทำให้บรรดาแฟนบอลอังกฤษต่างหวังว่าอังกฤษจะคว้าแชมป์มาครองเพราะสถานการณ์ได้เปรียบสุดๆ และยังได้ลงเล่นในเวมบลีย์ บ้านของตัวเองอีกด้วย

ส่วนอิตาลีการผ่านเข้าชิงชนะเลิศครั้งนี้ถือว่า เซอร์ไพรส์เล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้ “อัซซูรี” ไม่ใช่ทีมเต็งที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2020 มาครอง

ทัพมะกะโรนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแรกชนะ 3 เกมรวดตบเท้าเข้ารอบมาเป็นแชมป์ของกลุ่มเอ แต่นั่นอาจจะไม่ใช่การพิสูจน์ความแข็งแกร่งของอิตาลี เช่นเดียวกับรอบ 16 ทีมสุดท้ายตบออสเตรียมาได้แบบไม่ยากเย็นแม้ว่าจะยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษก็ตาม

หลังรอบ 16 ทีมมานั้นคือของจริงที่

บอกว่า อิตาลีแข็งแกร่งมากแค่ไหน รอบ 8 ทีมเอาชนะเบลเยียม ทีมเบอร์ 1 ของโลกมาได้ 2-1 ก่อนรอบตัดเชือกก็ดวลจุดโทษชนะสเปนมาได้ 4-2 หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที 1-1

หากมาเทียบดูกับทัพ “สิงโตคำราม” เส้นทางเข้าสู่รอบชิงนั้นถือว่าเบากว่าเยอะในรอบน็อกเอาต์มีหนักแค่เกมเอาชนะเยอรมนี 2-0 เท่านั้น ที่เหลือรอบ 8 ทีมชนะ ยูเครน 4-0 และรอบตัดเชือกชนะ เดนมาร์ก 2-1 ในช่วงต่อเวลา

แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงๆ เส้นทางทีมไหนจะหนักจะเบาก็เอามานับไม่ได้เพราะในรอบน็อกเอาต์บรรดาทีมที่ศักยภาพด้อยกว่าก็สามารถโค่นทีมยักษ์ใหญ่มาให้เห็นนักต่อนักดูได้จาก สวิตเซอร์แลนด์ ที่โค่นฝรั่งเศสในรอบ 16 เช่นเดียวกับเช็กที่ทุบ ฮอลแลนด์ในรอบเดียวกัน

การผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้นั้นก็ต้องยกย่องความแข็งแกร่งของทั้งสองทีม

การเจอกันของ อังกฤษกับอิตาลี ชั่วโมงนี้ถือว่าเป็นมวยถูกคู่เพราะ “สิงโตคำราม” อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในรอบหลายปี แถมนักเตะแต่ละคนยังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาท์, บูกาโญ ซากา, แฮร์รี แมคไกวร์

เช่นเดียวกับอิตาลี ที่แม้ว่าจะไม่มีนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์อยู่ในทีมเหมือนยุคก่อนๆ แต่ทีมชุดนี้มีทีมเวิร์กเป็นทีเด็ด โดยเฉพาะแนวรุกแม้ว่าจะรูปร่างเล็ก ลอเรนโซ อินซิกเญ, ชิโร อิโมบิเล และเฟเดริโก เคียซา แต่ความจี๊ดจ๊าดและความอันตรายพร้อมที่จะเล่นงานแนวรับทีมชาติอังกฤษได้ตลอดเวลา

แต่จุดเด่นที่แข็งแกร่งที่สุดของ “อัซซูรี” คือแนวรับ ที่ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็คือของขึ้นชื่อของทัพมะกะโรนีมาตลอด โดยเฉพาะปราการหลังคู่กลางอย่างจอร์จิโอ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด โบนุชชี ที่ยากจะเจาะเข้าได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับจิอันลุยจิ ดอนนารุมมา มือ 1 จอมหนึบ ถ้าลูกยิงไม่ยากจริงก็ผ่านมือเขายากเช่นกัน

นี่จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของแนวรุก “สิงโตคำราม” โดยเฉพาะแฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีมที่ซัดไปแล้ว 4 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ตามหลัง คริสเตียโน โรนัลโด (โปรตุเกส) และ พาทริก ชิก (สาธารณรัฐเช็ก) อยู่ 1 ประตู

ถ้าหากกองหน้าทอตแนม ฮอตสเปอร์ อยากคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำต้องแหวกคู่หู โบนุชชี และคิเอลลินีไปยิงให้ได้ถึง 12 เม็ดด้วยกัน

เกมรุกที่ดีที่สุดมาเจอกับเกมรับที่แกร่งที่สุด แบบนี้ไม่ดูไม่ได้แล้ว

นัดชิงสุดยอด “ดรีม ไฟนอลส์” ขนาดนี้หากคอบอลคนไหนพลาดบอกได้เลยว่าจะเสียใจ!!

มะระหวาน