ไทยรัฐออนไลน์
ทีมชาติอิตาลี บดเอาชนะ ทีมชาติเบลเยียม ไปแบบสุดมัน 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 ก.ค. 64 คู่ที่น่าสนใจที่สนามอัลลิอันซ์ อารีนา ประเทศเยอรมนี "ปิศาจแดงแห่งยุโรป" ทีมชาติเบลเยียม ดวลเดือดกับ ทีมชาติอิตาลี
เกมนี้ โรเบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียม ทำเซอร์ไพรส์ส่ง เควิน เดอ บรอยน์ ลงสนามเป็นตัวจริงทั้งที่ก่อนเกมมีข่าวว่ามีปัญหาอาการบาดเจ็บและอาจไม่ได้ลงเล่น ส่วนแนวรุกมี โรเมลู ลูกากู ลงล่าตาข่าย ขณะที่ โรแบร์โต มันชินี กุนซืออิตาลี ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำมาโดย 3 แนวรุก เฟเดริโก เคียซา, ลอเรนโซ อินซินเญ และ ชิโร อิมโมบิเล
เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 4 เบลเยียม ได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่เปิดบอลยาวขึ้นมาให้ โรเมลู ลูกากู พักอกเข้าเขตโทษแล้วยิงข้ามคานออกไป แต่ก็ถูกจับล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
จากนั้นนาทีที่ 14 อิตาลี ชวดขึ้นนำ เมื่อ ลอเรนโซ อินซินเญ เปิดฟรีคิกจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ บอลแฉลบ โจวานนี ดิ ลอเรนโซ เลยมาถึง เลโอนาร์โด โบนุชชี ยิงเข้าไป แต่วีเออาร์เช็กว่าล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 22 โอกาสของเบลเยียม เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ พาบอลลุยมาถึงหน้าเขตโทษก่อนซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งจะเสียบมุมอยู่แล้ว แต่ จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ปัดออกไปได้ และถัดมา 4 นาที โรเมลู ลูกากู พาบอลเลี้ยงจี้เข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนยิงเล่นทางด้วยซ้าย บอลไหลจะเสียบเสาไกล แต่ จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ยังปัดทิ้งออกไปได้อย่างสุดยอด
นาทีที่ 27 อิตาลีได้ลุ้น 2 จังหวะติดๆ เริ่มจาก เฟเดริโก เคียซา ยิงแฉลบไปติดเซฟ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายด่านเบลเยียม จากนั้น ลอเรนโซ อินซินเญ ปั่นด้วยขวาจากนอกกกรอบ บอลโค้งหลุดกรอบไปนิดเดียว
ถึงนาทีที่ 31 อิตาลี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อ มาร์โก แวร์รัตติ จ่ายบอลให้ นิโคโล บาเรลลา แหวกหนีแนวรับเบลเยียมในเขตโทษก่อนตะบันด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย
และในนาทีที่ 41 อิตาลี น่าได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่ เฟเดริโก เคียซา ตั้งป้อมซัดด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งหลุดเสาสองไปนิดเดียว
กระทั่งนาทีที่ 44 อิตาลี มาได้ประตูหนีเป็น 2-0 จากความยอดเยี่ยมของ ลอเรนโซ อินซินเญ พาบอลแตะหนี ยูริ ติเลอมองส์ มาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนบรรจงปั่นด้วยขวา บอลพุ่งโค้งๆ เสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม
เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ นาทีที่ 45.2 เบลเยียม ได้จุดโทษจากจังหวะที่ เจเรมี โดกู โดน โจวานนี ดิ ลอเรนโซ ทำฟาวล์ร่วงลงไปในเขตโทษ และเป็น โรเมลู ลูกากู รับหน้าที่สังหารไม่พลาด พา เบลเยียม ไล่มาเป็น 1-2
จบครึ่งแรก เบลเยียม ตามหลัง อิตาลี 1-2
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 50 อิตาลี ได้ส่องก่อนจากการยิงของ เฟเดริโก เคียซา บอลพุ่งหลุดเสาขวามือออกไป
จากนั้นนาทีที่ 61 เบลเยียม เกือบตีเสมอจากจังหวะที่ เจเรมี โดกู จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ เควิน เดอ บรอยนื ปาดไปเสาสอง โรเมลู ลูกากู ปรี่มายิงจ่อๆ ไปติดบล็อก เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ออกไปอย่างน่าเสียดาย
ถัดมา 5 นาที อิตาลี เกือบนำห่างเมื่อ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ที่เกมโดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ มีโอกาสวอลเลย์เน้นๆ บอลพุ่งหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 69 อิตาลี เกือบได้เม็ดสาม จากจังหวะที่ ลอเรนโซ อินซินเญ ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลโค้งจะเสียบเสาไกลแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผวาปัดออกไปได้
ถึงนาทีที่ 84 โอกาสของเบลเยียม เมื่อ เจเรมี โดกู พาบอลลากตัดจากฝั่งซ้ายมาหน้าเขตโทาก่อนตะบันด้วยขวา บอลพุ่งข้ามคานออกไป
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ทีมชาติเบลเยียม ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ ทีมชาติสเปน ต่อไป
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม มีดังนี้
เบลเยียม: ติโบ กูร์กตัวส์ (GK), โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์, โธมัส แฟร์มาเลน, แยน แฟร์ตองเกน, โธมัส มูนิเยร์, ยูริ ติเลอมองส์, อักเซล วิตเซล, ธอร์กาน อาซาร์ด, เควิน เดอ บรอยน์, เจเรมี โดกู และ โรเมลู ลูกากู
อิตาลี: จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา (GK), โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, เลโอนาร์โด โบนุชชี, จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาร์ดด สปินาซโซลา, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, เฟเดริโก เคียซา, ชิโร อิมโมบิเล และ ลอเรนโซ อินซินเญ