ไทยรัฐออนไลน์
ทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ทีมชาติออสเตรีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกฟุตบอล ยูโร 2020
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 26 มิ.ย. 64 ที่เวมบลีย์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทีมชาติอิตาลี พบกับ ทีมชาติออสเตรีย โดยสถิติที่ทั้งสองทีมเคยพบกันมา 35 ครั้ง อิตาลี ชนะ 16 ครั้ง ออสเตรีย ชนะ 11 ครั้ง และเสมอกัน 8 ครั้ง
เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 12 อิตาลีทักทายได้น่ากลัว จากจังหวะที่ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ได้ยิงในเขตโทษ บอลพุ่งหลุดกรอบไป
จากนั้น นาทีที่ 14 อิตาลี ได้ลุ้นก่อนจากการยิงของ ลอเรนโซ อินซินเญ แต่บอลพุ่งตรงตัว ดาเนียล บัคมันน์ และถัดมา 3 นาที อิตาลี มีโอกาสอีกครั้งจากการซัดของ นิโคโล บาเรลลา แต่ก็ยังติดเซฟ ดาเนียล บัคมันน์
ถึงนาทีที่ 32 อิตาลี น่าได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อ ชิโร อิมโมบิเล ลองส่องไกลด้วยขวา บอลพุ่งชนคานเต็มๆ
จบครึ่งแรก ทีมชาติอิตาลี ยังเสมอ ทีมชาติออสเตรีย 0-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 52 ออสเตรีย ได้ฟรีคิกระยะหวังผล ดาวิด อลาบา ปั่นด้วยซ้าย บอลข้ามคานไปนิดเดียว
ถัดมา 10 นาที ออสเตรีย ได้ลุ้นจากจังหวะที่ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ตั้งป้อมซัดด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลแฉลบกองหลัง หลุดเสาไปนิดเดียว และจากจังหวะต่อเนื่อง นาทีที่ 63 ออสเตรีย ได้โอกาสจากการยิงของ มาร์โก อาร์เนาโตวิช แต่ยังไม่ผ่าน จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา ที่เพิ่งได้ออกแรงเซฟเป็นครั้งแรก
จากนั้นนาทีที่ 65 ออสเตรีย เกือบขึ้นนำ เมื่อ สเตฟาน ไลเนอร์ เปิดบอลโด่งเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ดาวิด อลาบา โหม่งตั้งมาเสาสองให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช โหม่งเสียบใต้คานเข้าไปตุงตาข่าย แต่ วีเออาร์ เช็กว่า อาร์เนาโตวิช ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
ถึงนาทีที่ 72 โอกาสของอิตาลี จากจังหวะที่ มานูเอล โลคาเตลลี ที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรอง ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ บอลพุ่งหลุดเสาขวามืออกไป
จบ 90 นาที ทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันไป 0-0 ต้องมาลุ้นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
เข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 94 อิตาลี ได้ลุ้นจากจังหวะที่ อันเดรีย เบลอตติ จ่ายบอลให้ เฟเดริโก เคียซา หลุดไปซัดในเขตโทษฝั่งขวาแต่ยังเซฟไว้ได้
จากนั้นนาทีที่ 95 อิตาลี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เมื่อ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ตักบอลเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ เฟเดริโก เคียซา เอาบอลลงก่อนแตะหลบผู้เล่นออสเตรียแล้วซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างเฉียบขาด
จากนั้นนาทีที่ 105 อิตาลี ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องฝั่งซ้าย และเป็น ลอเรนโซ อินซินเญ ปั่นด้วยขวา บอลจะมุดเสียบใต้คาน แต่ ดาเนียล บัคมันน์ พุ่งปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
ถึงนาทีที่ 105+1 อิตาลี ได้ประตูหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ ลอเรนโซ อินซินเญ จ่ายบอลจากฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้ ฟรานเชสโก อแชร์บี จ่ายต่อให้ มัตเตโอ เปสซินา กดด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือซาก
นาทีที่ 106 ออาเตีย เกือบตีไข่แตก เมื่อ หลุยส์ ชาร์บ ตะบันไกลด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งจะเสียบมุม แต่ จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา พุ่งปัดออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 109 จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ แบ็กขวาของอิตาลี กระชากบอลโซโล่มาคนเดียวกว่า 100 หลา ก่อนซัดหลุดกรอบออกไป
นาทีที่ 11 ออสเตรีย ชวดได้ประตูอีกแล้ว มิชาเอล เกรโกริตช์ เปิดบอลจากทางขวามาเสาสองให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ยิงจังหวะแรกไปติดบล็อก ก่อนจะซ้ำจ่อๆ อีกทีก็ข้ามคานออกไปอีก
ถึงนาทีที่ 114 ออสเตรีย ได้ประตูไล่มาเป็น 1-2 สมใจ จากจังหวะที่ หลุยส์ ชาร์บ เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวามาที่เสาแรก ซาซา คาลัดซิช พุ่งโหม่งบอลเบียดเสาแรกเข้าไป
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ทีมชาติอิตาลี เอาชนะ ทีมชาติออสเตรีย ไป 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอเจอกับผู้ชนะระหว่าง ทีมชาติเบลเยียม กับ ทีมชาติโปรตุเกส ต่อไป
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีม
ทีมชาติอิตาลี: จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา (GK), เลโอนาร์โด โบนุชชี, ฟรานเชสโก้ อแชร์บี, เลโอนาร์โด สปินาซโซลา, จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ, นิโคโล บาเรลลา, จอร์จินโญ, มาร์โก แวร์รัตติ, โดเมนิโก เบราร์ดี, ลอเรนโซ อินซินเญ และ ชิโร อิมโมบิเล
ทีมชาติออสเตรีย: ดาเนียล บัคมันน์ (GK), มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, ดาวิด อลาบา, สเตฟาน ไลเมอร์, ฟลอเรียน กริลลิตช์, ซาเวอร์ ชลาเกอร์, คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์, คอนราด ไลเมอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ และ มาร์โก อาร์เนาโตวิช